ไทย-จีน ร่วมทลายเครือข่ายนักค้าเฮโรอีนข้ามชาติ
2019.02.19
กรุงเทพฯ

ทางการไทย-จีน ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายอู๋ เฉี่ยนชิง หนึ่งในตัวการสำคัญของเครือข่ายค้าเฮโรอีนข้ามชาติ ซึ่งหนีหมายจับมายังประเทศไทย ทำหน้าที่ในการส่งต่อยาเสพติดจากประเทศไทยไปขายต่อยังประเทศจีนเป็นเวลานาน 2 ปีแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ทางการจีนกล่าวว่า ต้นตอของยาเสพติดยังคงอยู่ที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งยังคงกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดชาวจีนในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด มณฑลไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนจำนวน 24 คน พร้อมของกลางเป็นเฮโรอีน 11.7 กิโลกรัม และไอซ์ 190 กรัม ได้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 และพบว่า ยาเสพติดของกลางดังกล่าวถูกส่งมาจากชาวจีน 2 ราย หลบหนีหมายจับมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย คณะกรรมาธิการการควบคุมยาเสพติดแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน (National Narcotics Control Commission of China: NNCC) จึงได้ประสานมายังทางการไทยให้ติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับ ในการดำเนินการจับกุมเพื่อส่งตัวผู้ต้องหากลับไปดำเนินคดียังสาธารณรัฐประชาชนจีน
“เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2562 นายอู๋ เฉี่ยนชิง (Mr. Wu Qianxing) หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการจีน ได้ให้ตัวแทนมาติดต่อขอทำวีซ่าเพื่อขออยู่ต่อในประเทศไทย โดยให้เหตุผลเพื่อขอเรียนศาสนา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงได้เข้าควบคุมตัว นายอู๋ เฉี่ยนชิง ซึ่งพักอาศัยที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยแจ้งความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง” พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ระบุ
ขณะนี้ นายอู๋ เฉี่ยนชิง (Mr.Wu Qianxing) อยู่ระหว่างการควบคุมตัวเพื่อดำเนินการตามกระบวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนั้น ยังมีผู้ต้องหาอีก 1 ราย ที่ยังหลบหนีหมายจับอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวกับเบนาร์นิวส์ ระบุว่า เครือข่ายชาวจีนกลุ่มนี้ รับยาเสพติดจากสามเหลี่ยมทองคำ แล้วนำเข้าประเทศไทยก่อน เนื่องจากระบบขนส่งโลจิสติกเอื้ออำนวยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงสามารถใช้เส้นทางอากาศ ทางทะเล และทางรถยนต์ ในการลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวกลับเข้าประเทศ ซึ่งจะง่ายกว่าการลำเลียงจากสามเหลี่ยมทองคำไปยังไห่หนานโดยตรง ทั้งนี้ วิธีการลำเลียงไม่มีลักษณะเป็นแบบแผนตายตัว อยู่ที่เครือข่ายว่าจะใช้เส้นทางไหนในการลำเลียง
“ขณะนี้ ทาง ป.ป.ส. กำลังขยายผลต่อเนื่องว่า มีคนไทย หรือบริษัทไทย หรือชิปปิ้งไทย เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยไหม เพราะมีการขนส่งเฮโรอีนเข้าไปอย่างต่อเนื่องครั้งละ 20 กิโล 20 กิโล ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยไปยังไห่หนาน” นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวกับเบนาร์นิวส์
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวต่อด้วยว่า ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ดำเนินมาตรการแม่น้ำโขงปลอดภัยอย่างเข้มงวด ในการประสานความร่วมมือไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 6 ประเทศ รวมถึงพม่า และลาว ในการสกัดกั้นเคมีภัณฑ์ หรือสารตั้งต้นการผลิตยาเสพติด ไม่ให้เข้าไปใช้ในแหล่งผลิตบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ และเพื่อไม่ให้กระจายไปจำหน่ายต่อตามภูมิภาคต่างๆ ได้ ทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทางการพม่าและทางการ สปป.ลาว ได้นำกำลังไปตรึงชายแดนประเทศ โดยเฉพาะทางการลาวที่นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านบริเวณชายแดนที่บ่อแก้ว จำนวน 39 หมู่บ้าน ทำให้ต้องลักลอบขนย้ายยาเสพติดจากพื้นที่พักเก็บ ข้ามมาพักในพื้นที่ปลอดภัย จนนำไปสู่การจับกุมที่เพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ด้าน นายเหว่ย เสี่ยวจุน รองเลขาธิการคณะกรรมาธิการควบคุมยาเสพติดแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวในการแถลงข่าวว่า ยาเสพติดชนิดร้ายแรงหลายชนิด ทั้งเฮโรอีน ไอซ์ เคตามีน ยังคงมีต้นตอการผลิตจากพื้นที่สามเหลียมทองคำ แม้ว่าที่ผ่านมามีการจับยาไอซ์รวมแล้วถึง 23 ตัน แสดงให้เห็นว่ายังคงมีปริมาณยาเสพติดที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการประสานความร่วมมือระหว่างจีน-ไทย ที่ผ่านมานานหลายปี จะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแน่นแฟ้น เพื่อปราบปรามยาเสพติดให้ได้มากที่สุด โดยทางการไทยได้ขอให้ทางการจีนประสานความร่วมมือ และเฝ้าระวังการลักลอบลำเลียงสารเคมีตั้งต้น หรือ โซเดียมไซยาไนด์ ที่ใช้เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดร่วมกับไทยให้มากขึ้น