พี่น้องมุสลิมชายแดนใต้ ฉลองเทศกาลรายอ
2016.07.06
เบนาร์นิวส์
วันพุธที่ 6 กรกฎาคม 2559 นี้ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลรายอของพี่น้องชาวไทยมุสลิม หลังจากการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน มาตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยในสิบวันสุดท้ายของเดือนศักดิ์สิทธิ์ กลับมีเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านั้น จนมีผู้เสียชีวิต 17 ราย บาดเจ็บ 25 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ เจ้าหน้าที่สรุปในเบื้องต้นว่า เป็นฝีมือของขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่
ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามได้ร่วมเทศกาลรายอ โดยทุกคนต่างสวมใส่เสื้อผ้าใหม่ที่มีสีสัน ร่วมละหมาดในตอนเช้า และร่วมกิจกรรมต่างๆ อย่างคึกคัก
นายอับดุลเลาะ ตาเล๊ะ ชาวจังหวัดยะลา กล่าวว่า วันนี้ เป็นวันรายอ เช้าตื่นมาทุกคนจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าใหม่ พร้อมเดินทางไปทำพิธีร่วมละหมาดที่มัสยิด จากนั้น จะทำการขอโทษซึ่งกันและกันในบาปที่เคยทำ หลายคนร้องไห้ พร้อมกล่าวขอโทษกับคนที่เคยทำผิด สามีจะขอโทษภรรยา ลูกขอโทษพ่อแม่ จากนั้น ผู้ใหญ่จะมอบเงินให้เด็กๆ เพื่อเป็นการทำบุญ ก่อนที่จะแยกย้ายไปเยี่ยมบ้านเรือนญาติๆ และคนที่เคารพนับถือ
“วันนี้ทุกบ้านต่างเตรียมอาหารอย่างดี เพื่อต้อนรับคนที่มาเยี่ยมบ้านของตน” นายอับดุลเลาะ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ในวันพุธนี้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า “ขออวยพรให้คนไทยมุสลิมมีความสุข และเกิดสันติสุขที่แท้จริงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สันติสุขจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะคนในพื้นที่เท่านั้น และอยากให้เป็นวันเริ่มต้นที่ดี และทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่ความเป็นปกติ”
ทางด้าน ประธานกลุ่มมาราปาตานี นายอาวัง ยะบะ ซึ่งเป็นสมาชิกขบวนการบีอาร์เอ็น ได้ออกคลิปวีดีโอเนื่องในโอกาสรายออีดิ้ลฟิตรี 1437/2016 เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก Mara Patani - Official Page เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2559 นี้ โดยกล่าวว่า คำกล่าวสั้นๆ ของตนเองในครั้งนี้จะเป็นที่ยอมรับ การถือศีลอดเป็นข้อบังคับแก่เราทุกคน เพื่อเราทุกคนจะเป็นผู้ศรัทธาต่อเอกองค์อัลลอฮ์ ผู้ที่ภักดีต่อคำสั่งใช้ของพระองค์ และห่างไกลจากการห้ามของพระองค์
นายอาวัง ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มมาราปาตานี ที่เจรจาเพื่อสันติในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้กับรัฐบาลไทย ได้กล่าวในคลิปวีดีโออีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ที่ปัตตานี ในปัจจุบันจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงสู่สิ่งที่ดีขึ้น ต้องปรับปรุงจากสถานการณ์ความไม่สงบสู่สันติภาพ และได้กล่าว “สลามัตฮารีรายออิดิ้ลฟิตรี” พร้อมได้ขออภัยทั้งกายและใจแด่ชาวมลายูปาตานีทุกคน ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดก็ตาม