ประชาชนชาวไทยพร้อมใจเฉลิมพระเกียรติการเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี
2016.06.09
วันที่ 9 มิถุนายน 2559 เป็นโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี หลังจากได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ด้วยพระชนมายุ 18 พรรษา ปี พ.ศ. 2489
ในวันนี้ รัฐบาลไทยได้จัดพิธีที่สำคัญ เช่น พิธีถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเวลา 09:08 น. การสวดเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศล ถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระสงฆ์ในโครงการอุปสมบท 770 รูป ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีมหารัตนศาสดาราม โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
พสกนิกรชาวไทยนับพันคน พร้อมใจกันสวมเสื้อเหลืองและเข้าร่วมในพิธีที่ท้องสนามหลวง เพื่อร่วมถวายพระราชกุศล ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
"รู้สึกปลาบปลื้มใจ มีความตั้งใจมากที่จะมาในวันนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราได้มีโอกาสมางานใหญ่ระดับชาติ เราได้เห็นประชาชนจำนวนมากที่พร้อมใจมากัน ตอนที่พระ 770 รูป นั่งรถผ่าน ครูยืนพนมมือ น้ำตาไหลไม่รู้ตัว" ปุญญาส์ธิปฐ์ ภคสกุลวงศ์ ข้าราชการครูบำนาญ จากนครสวรรค์ กล่าวต่อเบนาร์นิวส์
ในภาคต่างๆ ของประเทศ ประชาชนชาวไทยยังได้จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ เพื่อถวายพระราชกุศล ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น การทำบุญตักบาตร การเจริญจิตภาวณา และการปั่นจักรยานเพื่อเทอดพระเกียรติ
ในโอกาสมหามงคลนี้ สมเด็จพระบรมราชินีนาถอลิซาเบธที่สอง แห่งสหราชอาณาจักร ได้ส่งพระราชสาส์นถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ส่งสาส์นร่วมถวายราชสดุดีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีใจความท่อนหนึ่ง ดังนี้
“ในนามของประชาชนชาวอเมริกัน ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสถวายราชสดุดี แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และขอแสดงความยินดีกับประชาชนแห่งราชอาณาจักรไทย เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี”
“ในวาระประวัติศาสตร์นี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอยกย่องพระอัจฉริยภาพแห่งความเป็นผู้นำประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงพระราชกรณียกิจนานัปการของพระองค์ ซึ่งได้ส่งเสริมสายสัมพันธ์อันยืนยงระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ”
“ดังเช่นที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ประจักษ์ด้วยตนเอง เมื่อครั้งเดินทางเยือนกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2555 บทบาทผู้นำประเทศของพระองค์ช่วยเกื้อหนุนทั้งสองประเทศในการส่งเสริม สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พระองค์ทรงเป็นพลังโน้มนำความเข้มแข็ง และแรงบันดาลใจมาสู่ปวงชนของทั้งสองประเทศตลอดเจ็ดทศวรรษที่ผ่านมา ในฐานะพระมหากษัตริย์ที่ยังทรงครองราชย์อยู่พระองค์เดียวในโลกที่เสด็จพระราชสมภพในสหรัฐอเมริกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีสายใยเชื่อมโยงอย่างพิเศษกับประชาชนอเมริกัน จัตุรัสภูมิพลอดุลยเดชในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ อันเป็นเมืองพระราชสมภพ คือ เครื่องยืนยันถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศทั้งสอง