พลเอก ประวิตร-ตำรวจ โต้ปวีณเรื่องคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา

พล.ต.ต. ปวีณ กล่าวหาว่า พลเอก ประวิตร ล็อบบี้สตช. ให้ช่วย พลโท มนัส
นนทรัฐ​ ไผ่เจริญ
2022.04.26
กรุงเทพฯ
พลเอก ประวิตร-ตำรวจ โต้ปวีณเรื่องคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ผู้อพยพชาวโรฮิงญานั่งเรือล่องในน่านน้ำไทย ทางใต้ของทะเลอันดามัน นอกเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล วันที่ 14 พฤษภาคม 2558 ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้ามนุษย์ว่า ไทยเป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ ที่ดำเนินการโดยองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
เอเอฟพี

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าตำรวจทำคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ปี 2558 อย่างตรงไปตรงมา หลังจากที่ พล.ต.ต. ปวีณ พงศ์สิรินทร์ พนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าว บอกสำนักข่าวอัลจาซีรา ว่า พลเอก ประวิตร แทรกแซงการทำหน้าที่ของตำรวจที่ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายใหญ่บางคน

เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว สำนักข่าวอัลจาซีรา (Al Jazeera) ได้เผยแพร่สารคดีข่าวชื่อ “Thailand’s Fearless Cop” ซึ่งได้นำเสนอเรื่องราวของ พล.ต.ต. ปวีณ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และหัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์ ที่ระบุว่าเขาจำเป็นต้องลี้ภัยไปยังประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากการทำคดีค้ามนุษย์ซึ่งเกี่ยวข้องกับตำรวจ-ทหารระดับสูง เช่น พล.ท. มนัส คงแป้น อดีด ผอ.กอ.รมน. ภาค 4 หนึ่งในจำเลยสำคัญในคดี จึงทำให้มีบุคคลในรัฐบาลล็อบบี้ขอให้ช่วยเหลือผู้ต้องหาบางคน โดยได้กล่าวพาดพิงถึง พล.อ. ประวิตร, พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร., พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม พล.ท. มนัส ได้เสียชีวิตขณะถูกจองจำในเรือนจำคลองเปรมด้วยอาการทางหัวใจ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2564

ในวันอังคารนี้ พล.ต.ต. ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวว่า ข้อมูลในสารคดีเป็นข้อมูลเก่า ซึ่งคดีนี้มีคำพิพากษาไปแล้ว และมีผู้ต้องหาถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมถึง 123 รายจากทั้งหมด 153 ราย ดังนั้น ตำรวจจึงยืนยันได้ว่ามีการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ด้วยการใช้พนักงานสอบสวนกว่า 100 คน

“หากพนักงานสอบสวนคนใดคนหนึ่งถูกล็อบบี้ให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ เป็นไปไม่ได้ที่พนักงานสอบสวนคนอื่น ๆ จะต้องเชื่อตาม เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินการมีความเห็นทางคดีร่วมกัน ที่มีการกล่าวหามีการได้รับคำสั่งในทางมิชอบ หรือสั่งการทิศทางคดีหันซ้ายหันขวา จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้” พล.ต.ต. ยิ่งยศ กล่าว

“ผู้ที่ถูกดำเนินคดีหรือถูกควบคุมตัวในคดีนี้ เราไม่ได้ให้ประกันตัว หากมีการสั่งการหรือล็อบบี้กันก็จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เราจับกุมผู้ต้องหาได้เป็นจำนวนมาก ไม่มีให้สิทธิพิเศษ ไม่มีการให้ประกันตัวใครเลย จะเห็นว่าผู้ต้องหาหลายคนถูกจำคุกในเรือนจำเรียบร้อยแล้ว” พล.ต.ต. ยิ่งยศ กล่าวเพิ่มเติม

ในวันเดียวกันนี้ พล.อ. ประวิตร ซึ่ง พล.ต.ต. ปวีณ อ้างว่าพยายามล็อบบี้ให้ละเว้นการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาบางราย ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ตนเองไม่เคยเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว

“เป็นเรื่องของศาล ไม่ใช่เรื่องของผม ผมไม่ได้ไปโทรเทออะไร ไม่เกี่ยวไรเลย มนัส (พล.ท. มนัส คงแป้น) เองก็เสียชีวิต แล้วไม่ได้ประกันด้วย แล้วก็เสียชีวิตในเรือนจำ เพราะฉะนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้ว” พล.อ. ประวิตร กล่าว

ด้าน พล.อ. คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่ากระทรวงกลาโหมมีนโยบายชัดเจนว่าห้ามกำลังพลเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ หรือสิ่งผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด

“การพาดพิงดังกล่าวดูจะไม่ให้ความยุติธรรมกับกำลังทหารและกองทัพในภาพรวม… ซึ่งผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นต้องกำกับดูแลกำลังพล หากปรากฏพบการกระทำผิดของกำลังพล ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ต้องสอบสวนเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญาให้ถึงที่สุด โดยให้สืบเชื่อมโยงกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด” พล.อ. คงชีพ กล่าว

ในระหว่างการอฏิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั่วไปโดยไม่ลงมติ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้กล่าวอภิปรายถึงปัญหาการคอร์รัปชันของรัฐบาล และระบุถึงเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดกับชาวโรฮิงญา จนทำให้ไทยต้องตกไปอยู่ในบัญชีอันดับ 2 เฝ้าระวัง หรือ Tier 2 Watch List เพียงหนึ่งอันดับสูงกว่า อันดับต่ำสุดเท่านั้น ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ที่จัดทำโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอีกครั้ง

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พล.ต.ต. ปวีณ ถูกคุกคามและกลั่นแกล้งทั้งโดยทหารและตำรวจ ขณะที่ พล.อ. ประวิตร ผู้มีอำนาจกำกับดูแล สตช. และ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ได้มีคำสั่งให้ย้ายไปสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเสี่ยงภัย ทำให้มีข้อสงสัยว่าจะหมายให้ พล.ต.ต. ปวีณ เสียชีวิตหรือไม่

“ตำรวจผู้กล้า”

สารคดี “Thailand’s Fearless Cop” ถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2565 ได้เล่าเรื่องราวที่ พล.ต.ต. ปวีณ ได้ดำเนินการในคดีการค้ามนุษย์ที่เชื่อมโยงกับการพบหลุมศพชาวโรฮิงญากว่า 30 ศพ ในปี 2558 ซึ่งต่อมามีการสืบสวนและพบความเชื่อมโยงกับ พล.ท. มนัส คงแป้น เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ และนักการเมืองในท้องถิ่น จนทำให้ พล.ต.ต. ปวีณ ถูกสั่งย้ายไปทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ต้องตัดสินใจลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เพื่อความปลอดภัยของชีวิต

“จักรทิพย์ (ชัยจินดา) อยากจะเป็น ผบ.ตร. จึงต้องการให้ทหารช่วยจักรทิพย์ สิ่งใดก็แล้วแต่ที่จักรทิพย์ช่วยทหารได้จักรทิพย์ก็จะทำ แม้กระทั่งการทำลายพยานหลักฐานกับผู้กระทำความผิดคดีค้ามนุษย์… บอกว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณเนี่ย ให้โทรศัพท์มาถาม ขอให้ช่วยเหลือให้อนุญาตประกันตัวพลโท มนัส คงแป้น” พล.ต.ต. ปวีณ กล่าวในสารคดี

หลุมศพเทือกเขาแก้ว อำเภอสะเดา

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 เจ้าหน้าที่ได้พบหลุมศพของผู้อพยพชาวโรฮิงญา ซึ่งถูกลักลอบพาเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายบนเทือกเขาแก้ว ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา กลายเป็นข่าวดังทั่วโลก และนำไปสู่การออกหมายจับ พล.ท. มนัส และผู้เกี่ยวข้องรายอื่น ๆ โดย พล.ท. มนัส เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในวันที่ 3 มิถุนายน 2558

พล.ต.ต. ปวีณ ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าฝ่ายสอบสวน และในเดือนกรกฎาคม 2558 พนักงานอัยการได้สั่งฟ้องคดีดังกล่าวรวม 16 ข้อหา เช่น พ.ร.บ. การป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556, พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และข้อหาอื่น ๆ

เดิมมีผู้ต้องหาในคดีนี้มี 103 ราย ในนั้นมีจำเลยคนสำคัญ คือ พล.ท. มนัส, นายบรรณจง ปองผล หรือโกจง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์, นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล และนายซอเนียง อานู หัวหน้าขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญา ซึ่งทั้งหมดถูกพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลาหลายปีเช่นเดียวกับ พล.ท. มนัส

ต่อมาในวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 ศาลอาญาชั้นต้นได้พิพากษาจำคุก พล.ท. มนัส เป็นเวลา 27 ปี โดยมีจำเลยถูกตัดสินให้ถูกลงโทษ 61 ราย ยกฟ้อง 40 ราย และเสียชีวิตระหว่างการพิจารณา 1 ราย และวันที่ 31 ตุลาคม 2562 ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิ่มโทษ พล.ท. มนัส เป็นเวลา 82 ปี และมีจำเลยถูกตัดสินโทษรวม 88 ราย

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง