ระนองส่งตัว 158 แรงงานเมียนมากลับประเทศ

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2021.01.28
ระนอง
ระนองส่งตัว 158 แรงงานเมียนมากลับประเทศ แรงงานเมียนมา เข้าแถวที่ท่าเทียบเรือศุลกากรระนอง ระหว่างการรอเดินทางกลับบ้าน วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564
เบนาร์นิวส์

ในวันพฤหัสบดีนี้ นายสมเกียรติ ศรีษะเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ส่งตัวแรงงานชาวเมียนมาเข้าเมืองผิดกฎหมาย 158 คน ที่ถูกกักตัวโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดระนอง กลับคืนภูมิลำเนาในประเทศของตน หลังจากเกิดเหตุประท้วงและพยายามแหกห้องกัก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง  พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 9 หน่วยงาน ได้ร่วมกันเปิดจุดผ่านแดนถาวรจังหวัดระนองเป็นการชั่วคราว และส่งมอบผู้ต้องกักกลุ่มแรงงานชาวเมียนมา จำนวน 158 คน ให้กับ นายเทะเวเพียว ผู้ช่วยทูตแรงงานเมียนมา ประจำจังหวัดระนอง ซึ่งเดินทางมารับตัวชาวเมียนมา เพื่อส่งกลับไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองที่เกาะสอง ประเทศเมียนมา ก่อนเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาทางตอนใต้ เขตตะนาวศรี ประกอบด้วย เมืองเกาะสอง เมืองมะริด และเมืองทวาย

“ตามบัญชีมีผู้ต้องกัก จำนวน 166 คน แต่พบรายชื่อซ้ำซ้อน ยอดที่แท้จริงในการส่งตัวกลับครั้งนี้ คือ 158 คน และมีหน่วยงานสาธารณสุขมาร่วมตรวจคัดกรองโควิด-19 จนนาทีสุดท้าย ก่อนส่งกลับบ้าน เพื่อยืนยันว่าทางการไทยได้ดูแลคนของทุกชาติเป็นอย่างดี” นายสมเกียรติ ศรีษะเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

ซึ่งก่อนที่จะมีการขึ้นเรือ นายเทะเวเพียว ผู้ช่วยทูตแรงงานเมียนมา ได้เรียกชื่อผู้ถูกส่งตัวกลับทีละคน เพื่อลงเรือหางยาวรับจ้างข้ามประเทศ จำนวน 13 ลำ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระนอง ได้เข้มงวดในการตรวจวัดอุณหภูมิ เพื่อยืนยันว่าไม่มีผู้ใดมีอาการป่วย จากนั้นทั้ง 9 หน่วยงาน ได้ร่วมปล่อยเรือหางยาวข้ามฟากปากแม่น้ำกระบุรี ซึ่งเป็นแนวชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเมียนมา ท่ามกลางความดีใจของชาวเมียนมา

“ส่วนผู้ต้องกักที่มีภูมิลำเนาอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเมียนมา ขอเวลาอีก 1-2 วัน คงจะได้รับความชัดเจน ส่วนการส่งกลับผู้ต้องกักชุดที่สอง มีจำนวนที่แน่นอนแล้ว 97 คน ส่วนอีก 200 คน อาจเป็นในวงรอบถัดไป ซึ่งสถานกักตัวด่าน ตม.ระนอง สามารถรองรับได้เพียง 300-400 คน และยังมีที่ตกค้างตามสถานีตำรวจ ในจังหวัดต่าง ๆ ที่รอส่งตัวมาเป็นระยะ ๆ เพื่อรอผลักดันผ่านออกทางด่าน ตม.ระนอง” นายสมเกียรติ ศรีษะเนตร ผวจ. ระนองกล่าวเพิ่มเติม

ด้านนาย เซ เซ อ่าว หนึ่งในแรงงานที่ได้กลับบ้าน กล่าวแสดงความยินดี แต่ยังห่วงคนที่อยู่ข้างหลัง

“ผมดีใจมากที่จะได้กลับบ้านไปหาญาติพี่น้อง แต่ก็เป็นห่วงครอบครัวของตนเองที่ทำงานอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีอีก ถ้ามีโอกาสจะกลับเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย เพื่อมาหาครอบครัว ที่อยู่ในประเทศไทย และถ้ามีโอกาส จะขอกลับมาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย” นาย เซ เซ อ่าว กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

การส่งตัวแรงงานชาวเมียนมากลับประเทศครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในรอบห้าเดือนที่ทางการเมียนมาเปิดรับคนของตนกลับประเทศ หลังจากหยุดรับตัวชาวเมียนมา ตั้งแต่ประมาณเดือนสิงหาคม 2563 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ แรงงานชาวเมียนมาประมาณสี่ร้อยคนที่ถูกกักตัวภายในอาคารผู้ต้องกักชั่วคราว สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดระนองซึ่งมีพื้นที่คับแคบ ได้ร่วมกันก่อเหตุสร้างความวุ่นวาย ภายในอาคารผู้กักตัว 5 ชั้น ของด่าน ตม.ระนอง  เพื่อเรียกร้องให้ทางการเมียนมารับตัวกลับประเทศ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ติดต่อนายเทะเวเพียว ผู้ช่วยทูตแรงงานเมียนมา ประจำจังหวัดระนอง ให้มาช่วยเจรจาและเปิดรับตัวแรงงานกลับบ้าน

จากนั้น ถัดไปในวันอังคาร พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ลงพื้นที่และได้ผลสรุปว่า จะส่งแรงงานกลับในวันพฤหัสบดีนี้

“ผมได้รับรายงานว่า สาเหตุเกิดจากความเครียด ที่ผู้ต้องกักอยู่กันจนแออัด เนื่องจากไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ เพราะการแพร่ระบาดของ COVID-19 จึงรวมตัวกันเรียกร้องต่อเจ้าหน้าที่ทางการไทย เพื่อสะท้อนปัญหาไปยังประเทศเมียนมาเข้าช่วยเหลือ” พล.ต.ท.สมพงษ์ บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารนี้  

นายซาไล บาวี นักวิชาการชาวเมียนมา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ทางการไทยควรจัดพื้นที่กักขังที่มีมาตรฐาน เพื่อทั้งแรงงานและเจ้าหน้าที่เอง

“แรงงานพม่าเป็นกลุ่มคนที่สำคัญมากในระบบเศรษฐกิจของไทย การสร้างมาตรฐานการกักกัน ไม่ว่าจะที่ ตม. หรือที่ไหน ๆ ก็ควรจะมีมาตรฐานความปลอดภัยรองรับต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ไช่เฉพาะเพื่อแรงงานเองเท่านั้น แต่ก็เพื่อเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วย มาตรฐานเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องจริงจังกว่านี้” นายซาไล กล่าว

รัฐทบทวนแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว

เมื่อวันอังคารนี้ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบัน มีแรงงานชาวเมียนมาทำงานหรือตกค้างอยู่ในประเทศไทยโดยถูกกฎหมายกว่าสองล้านคน และรัฐบาลคาดว่า ในจำนวนนี้เป็นแรงงานนอกระบบ ราว 500,000 คน ซึ่งนายอนุชา ได้เปิดเผยว่าคณะรัฐมนตรีเห็นชอบทบทวนแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว โดยยืดระยะเวลาการขอต่อวีซ่า และขอขึ้นทะเบียนสำหรับแรงงานนอกระบบ ดังนี้

กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ถือบัตรสีชมพู จำนวน 1,400,387 คน ประกอบด้วย (1.1) กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี 20 สิงหาคม 2562 จำนวน 1,162,443 คน ให้ขยายระยะเวลาการตรวจสุขภาพ และขอต่อวีซ่า ออกไปอีก 6 เดือน ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 และ (1.2) กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี 4 สิงหาคม 2563 จำนวน 237,944 คน ให้ขยายระยะเวลาการตรวจสุขภาพ และขอต่อวีซ่าออกไปอีก 6 เดือน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564

กลุ่มที่ 2 กลุ่มแรงงานต่างด้าวตาม MoU จำนวน 434,784 คน ได้แก่ (2.1) กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี 10 พฤศจิกายน 2563 จำนวน 119,094 คน และ (2.2) กลุ่มแรงงานต่างด้าวตาม MoU วาระการจ้างงานครบ 2 ปี จำนวน 315,690 คน ให้ขยายระยะเวลาการตรวจสุขภาพ และขอต่อวีซ่าออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งจะทยอยครบกำหนด โดยสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565

กลุ่มที่ 3 กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี 29 ธันวาคม 2563 ซึ่งอยู่ระหว่างยื่นลงทะเบียนคาดว่ามีจำนวนประมาณ 500,000 คน ให้จัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล (Biometics) เพื่อการพิสูจน์ตัวตนของคนต่างด้าวและความมั่นคงของประเทศ ในช่วงเวลาเดียวกับที่ตรวจโควิด-19 ภายในวันที่ 16 เมษายน 2564 ซึ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จะส่งข้อมูลคนต่างด้าวที่ได้จัดเก็บอัตลักษณ์บุคคลแล้ว ให้กรมการจัดหางานออกใบอนุญาตทำงาน

ทั้งนี้ ยังให้สถานพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สามารถร่วมตรวจโควิด-19 ได้ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เร่งด่วน และสถานพยาบาลของรัฐอาจมีจำนวนไม่เพียงพอสำหรับการตรวจตามกำหนด ภายในวันที่ 16 เมษายน 2564 โดยอัตราค่าตรวจ โควิด-19 ต้องไม่เกิน 2,300 บาท ตามที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำหนด

นอกจากนั้น ในกลุ่มผู้ต้องกักที่เป็นคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ที่มีประมาณ 500 คน อยู่ระหว่างรอการส่งกลับ ให้สามารถทำงานกรรมกรและงานบ้านได้ จนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อลดภาระค่าใช้ในการดูแล เมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว ต้องส่งกลับประเทศต่อไป

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง