นักธุรกิจยินดีรัฐเปิดรับนักท่องเที่ยว ชี้ธุรกิจไม่ฟื้นตัวไว
2021.10.12
กรุงเทพฯ

ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว กล่าวว่า ในช่วง 2 ปี อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ยังจะไม่สามารถสร้างรายได้มากเช่นก่อนการเกิดระบาดโควิด-19 เพราะประเทศจีนยังใช้มาตรการห้ามประชาชนของตนเดินทางออกนอกประเทศ โดยไม่มีความจำเป็นหรือเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจท่องเที่ยวและการเดินทาง แสดงความยินดีกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบมีเงื่อนไข โดยเมื่อคืนวานนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจว่า ประเทศไทยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีอัตราความเสี่ยงต่ำที่ฉีดวัคซีนโควิดครบสองเข็มแล้ว อย่างน้อย 10 ประเทศ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564
พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่า การเสนอแนวทางนี้นั้น เพื่อไม่ให้เสียโอกาสที่ประเทศไทยจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวมาได้บ้าง ในช่วงเทศกาลเดินทางท่องเที่ยวใน 3 เดือนข้างหน้านี้ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการทำมาหากินของประชาชนในภาคการท่องเที่ยวจำนวนนับล้านคน
“รัฐบาลประกาศถือเป็นหมุดหมายที่ดี แต่ยังไม่หวังให้ท่องเที่ยวกลับมาดี 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะแม้ไทยเปิดประเทศแล้ว หากนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านมาไทยแล้วต้องกลับไปกักตัวเขาอาจตัดสินใจไม่เดินทางมา เชื่อว่าภาพนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเดินกินมะม่วง-ทุเรียนในไทยเหมือนก่อนโควิด คงไม่กลับมาใน 2-3 ปีนี้ เพราะจีนมีนโยบายที่จะไม่ให้คนของเขาออกมาเที่ยวนอกประเทศ” พล.ต.ต. ปชา รัตนพันธ์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่
“เราต้องหานักท่องเที่ยวไทย หรืออินเดีย ยุโรป อิสราเอล สหรัฐฯ เพื่อมาทดแทนนักท่องเที่ยวจีนที่ขาดหายไปในช่วง 2 ปีนี้... จึงคาดหวังจากนโยบายนี้แค่ 50 เปอร์เซ็นต์” พล.ต.ต. ปชา กล่าวเพิ่มเติม และระบุว่าในช่วงไฮซีซั่น (ช่วงฤดูที่มีคนท่องเที่ยวมาก) จังหวัดเชียงใหม่มีรายได้ประมาณเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ศกนี้ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รัฐบาลจีนได้วางมาตรการห้ามประชาชนเดินทางออกนอกประเทศ หากไม่มีเหตุจำเป็นหรือเร่งด่วน เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนา หลังจากที่ในเดือนนั้นมียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงขึ้น
ในปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนการระบาดโควิด ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 39.7 ล้านคน เป็นชาวจีนเกือบสิบล้านคน ทำรายได้ให้ประเทศ 1.9 ล้านล้านบาท ส่วนในปีนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สรุปว่าจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2564 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพียง 7.3 หมื่นคน ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 มีมากถึง 6.6 ล้านคน
ในเดือนกรกฎาคม 2564 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. คาดว่าปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยประมาณ 1.2 ล้านคน โดยคาดว่าจะทำให้ประเทศมีรายได้ประมาณ 8.5 หมื่นล้านบาท
ส่วน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาประเทศไทย 1.5 แสนคน โดยระบุว่า การท่องเที่ยวทั่วโลกหดตัว 45 เปอร์เซ็นต์ และตลาดการท่องเที่ยวโลก จะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับก่อนการระบาด ในปี 2568
ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ครั้งแรกในเดือนมกราคม 2563 ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อสะสม 1.73 ล้านราย มีผู้เสียชีวิต 1.78 หมื่นราย โดยได้ผ่านจุดที่มีการติดเชื้อรายวันสูงสุดที่ 23,418 ราย เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมนี้
ขณะที่มีผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรก 35.4 ล้านราย เข็มที่สอง 23.7 ล้านราย และเข็มที่สาม 1.7 ล้านราย โดยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 ถึงปัจจุบัน
ความยินดีและความกังวล
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจว่า สิ้นปี 2564 ประเทศไทยจะมีวัคซีนโควิด-19 มากกว่า 170 ล้านโดส และพร้อมที่จะเปิดประเทศเพื่อรองรับเทศกาลการท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงในอีก 3 เดือนข้างหน้า
“ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศ” พล.อ. ประยุทธ์
อย่างไรก็ตาม ผู้เดินทางทุกคนต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง ด้วยวิธี RT-PCR ที่ได้ผลเป็นลบ และเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยจะต้องมีการตรวจอีกครั้ง
นอกจากนั้น ทาง ศบค. จะพิจารณาอนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2564 ด้วย
อย่างไรก็ตาม รศ.นพ. ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความกังวลถึงแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวดังกล่าว
“การฉีดวัคซีนนั้นมุ่งหวังจะให้เกิดประโยชน์ต่อตัวผู้ได้รับวัคซีน เพื่อลดโอกาสป่วย ลดโอกาสเสียชีวิต ดังนั้นด้วยอัตราความครอบคลุมวัคซีนของไทยเราที่น้อยกว่าชิลีและเดนมาร์ก การเปิดเมือง เปิดท่องเที่ยว และเปิดประเทศของไทยนั้นย่อมนำมาซึ่งความเสี่ยงสูงของการระบาดซ้ำรุนแรง และมีโอกาสป่วยและเสียชีวิตมากกว่าเขาอย่างแน่นอน” รศ.นพ. ธีระ กล่าว
ด้าน น.ส. หทัยชนก ต๊ะพานิชย์ เจ้าของโฮสเทลปันฮัก ในจังหวัดเชียงราย กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า คาดหวังว่าธุรกิจท่องเที่ยวจะได้รับผลบวกจากการประกาศแผนรับนักท่องเที่ยวของรัฐบาล
“ทั้งดีใจและกังวล ดีใจตรงที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศแน่นอน เชื่อว่าโรงแรมจะกลับมามีลูกค้า แต่สิ่งที่กังวลคือ ประชาชนได้รับวัคซีนต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้แต่แรกพอสมควร ถ้าระบาดอีกก็เหมือนกลับไปที่วงโคจรเดิม ปัญหาทั้งหมดมันกลับไปที่วิธีแก้วิธีเดียวคือ การเร่งฉีดวัคซีน และหาวัคซีนคุณภาพดีมาให้สำหรับคนที่ยังกังวล ไม่กล้าฉีด” น.ส. หทัยชนก กล่าว
ด้าน นายสมจิต สมใจ เจ้าของร้านอาหารและเครื่องดื่มในจังหวัดขอนแก่น กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า
“ปัญหาตอนนี้ คือ รัฐบาลห้ามขายและดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน แต่มีหลายร้านในจังหวัดที่แอบเปิดขายโดยไม่สนใจข้อห้าม ขณะที่สถานการณ์โควิดในจังหวัดก็รุนแรงขึ้น ถ้ารัฐไม่มีมาตรการที่ชัดเจน เด็ดขาด การแพร่ระบาดก็น่ากังวล เพราะคนฉีดวัคซีนยังน้อย” นายสมจิต กล่าว
ขณะที่ นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำประเทศไทย กล่าวกับเบนาร์นิวส์ผ่านโทรศัพท์ว่า พล.อ. ประยุทธ์ เพิกเฉยต่อการบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉิน
“ในประกาศเปิดประเทศ ประยุทธ์ไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนคลาย หรือยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและเคอร์ฟิว ทั้งยังมีการใช้ข้ออ้างด้านการควบคุมโรคในการจำกัดสิทธิเสรีภาพ และจับกุมนักกิจกรรม ทั้งที่ถ้าฟังเหตุผลของประยุทธ์ในการเปิดประเทศ ไทย ก็น่าจะสามารถยกเลิกมาตรการต่าง ๆ ได้แล้ว” นายสุณัยกล่าว
คุณวุฒิ บุญฤกษ์ ในเชียงใหม่ และวิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน