ไทยหยุดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวเข้าประเทศแล้ว

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในวันอังคารนี้ว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบปรับมาตรการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังมีไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอไมครอนระบาด โดยให้งดรับลงทะเบียนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการจะเดินทางเข้าประเทศไทยแบบไม่กักตัวแล้ว เริ่มตั้งแต่หลังเที่ยงคืนนี้ และให้ผู้ที่จะเดินทางมายังประเทศไทยขอเดินทางเข้ามาได้ตามมาตรการกักตัว 7 วันเหมือนเช่นเดิม

จากนั้นในวันที่ 4 มกราคม 2565 รัฐบาลจะพิจารณามาตรการใหม่อีกครั้ง ส่วนนักท่องเที่ยวซึ่งลงทะเบียนล่วงหน้าตามโครงการ Test and Go หรือแซนด์บ็อกซ์ ไว้แล้ว 9 หมื่นราย ยังคงเดินทางเข้ามาได้ก่อนวันที่ 10 มกราคม 2565

พล.อ. ประยุทธ์ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ครม. มีมติเร่งด่วนปรับมาตรการการรับชาวต่างชาติเข้าประเทศไทยแบบไม่กักตัว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่ามีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่แล้ว 97 ราย

“ขอมาแล้วประมาณ 2 แสน เข้ามาแล้ว 1.1 แสนเท่านั้นเอง เหลือประมาณ 9 หมื่นที่เราต้องมีการดูแลติดตาม เพราะมีการขออนุญาตมาก่อนในช่วงที่ผ่านมา แต่จะไม่มีการลงทะเบียนเพิ่มอีกแล้ว จนกว่าจะมีการพิจารณาสถานการณ์ในช่วงวันที่ 4 มกรา อีกทีนึง” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว

สำหรับ โควิด-19 สายพันธุ์ B.1.1.529 หรือ Omicron ถูกค้นพบที่ประเทศแอฟริกาใต้ และแจ้งยืนยันให้องค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 และกลายเป็นหนึ่งในห้าสายพันธุ์ที่น่ากังวลต่อจาก อัลฟา, เบตา, แกมมา และเดลตา ต่อมามีการพบเชื้อชนิดเดียวกันในประเทศต่าง ๆ ทั้งในแอฟริกาเอง และทวีปอื่น ๆ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 สธ. จึงห้ามไม่ให้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศบอตสวานา, อีสวาตินี, เลโซโท, มาลาวี, โมซัมบิก, นามิเบีย, แอฟริกาใต้ และซิมบับเว เข้าประเทศ แต่หากเดินทางมาจากประเทศอื่นในทวีปแอฟริกาต้องกักตัว 14 วัน ก่อนเข้าประเทศไทย

นักจุลชีววิทยาในมหาวิทยาลัยแห่งฮ่องกงพบว่า วัคซีน BNT162b2 (BioNTech ) หรือ Coronavac (Sinovac) สองโดส ไม่สามารถต่อต้านไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนได้

นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ไทยเปิดให้นักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศ ให้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยแบบไม่กักตัว โดยต้องลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass ก่อน และมีเงื่อนไขว่า นักท่องเที่ยวจำเป็นจะต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็ม, ผลตรวจโควิด-19 จากประเทศต้นทางเป็นลบ, ทำประกันมูลค่าอย่างน้อย 5 หมื่นดอลลาร์

และเมื่อถึงประเทศไทยต้องเข้าสู่ระบบ Test and Go คือ ตรวจโควิด-19 และเข้าพักที่โรงแรมอย่างน้อย 1 คืน หากผลเป็นลบ จึงจะเดินทางออกจากโรงแรมไปท่องเที่ยวได้ ปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียน Thailand Pass 2 แสนราย เดินทางเข้ามาแล้ว 1.1 แสนราย ยังเหลืออีก 9 หมื่นราย

ด้าน นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษก กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สำหรับนักท่องเที่ยว 9 หมื่นรายที่ได้ลงทะเบียน Thailand Pass มาแล้ว จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขใหม่ คือ จากเดิมเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยแล้วจะต้องตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน (ATK) 1 ครั้ง ก่อนเดินทางท่องเที่ยวในไทย ต้องเพิ่มเป็นตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง หากผลเป็นลบ จึงจะเดินทางต่อไปได้ โดยมาตรการนี้จะมีผลเที่ยงคืนของวันที่ 21 ธันวาคม 2564 นี้

นักท่องเที่ยวสามารถสมัครผ่าน Thailand Pass เพื่อเดินทางมายังประเทศไทยในกรณีที่เข้าสู่กระบวนการกักตัวทางเลือก (Alternative Quarantine) หรือสมัครตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) คือ เดินทางมายังจังหวัดภูเก็ตและอยู่ในภูเก็ตอย่างน้อย 14 วัน ก่อนเดินทางไปยังจังหวัดอื่น ก่อนเดินทางไปที่อื่น

ในวันเดียวกัน ชมรมผู้ประกอบการที่เดือดร้อนจากโควิด-19 ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้กระทรวงฯ ทบทวนมาตรการการรับนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกรงว่าการปรับมาตรการจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ

“การพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนในประเทศ ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมยกระดับมาตรการรับมือด้วยการยกเลิกมาตรการ Test and Go และให้มีการเพิ่มวันกักตัวนักท่องเที่ยว จึงมีความกังวลว่าจะสร้างความสูญเสียให้กับระบบเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่จะต้องมีการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน ทำให้ผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้ฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง” น.ส. อริศรา ยืนยาว ผู้ประสานงานชมรมผู้ประกอบการที่เดือดร้อนจากโควิด-19 กล่าวกับสื่อมวลชน

ด้าน นายสมจิต สมใจ ผู้ประกอบการร้านอาหาร และเครื่องดื่ม ในจังหวัดขอนแก่น ระบุว่า ร้านของเขาทำตามกฎหมายมาตลอด ต้องปิดมาเกือบ 10 เดือน ถ้าหากต้องปิดอีกครั้ง น่าจะมีผลกระทบมาก

“ไม่อยากให้รัฐบาลปิดประเทศอีกเลย เพราะช่วงปีใหม่ คือความหวังที่เราจะได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้ง” นายสมจิต กล่าว

ในวันอังคารนี้ ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 2,476 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 2.19 ล้านราย เสียชีวิตเพิ่ม 32 ราย รวมยอดเสียชีวิตสะสม 2.14 หมื่นราย ขณะที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้แล้ว 100.17 ล้านโดส ในนั้นเป็นผู้ที่รับวัคซีนครบ 2 เข็ม 44.48 ล้านราย และรับวัคซีนเข็มที่สาม 5.08 ล้านราย