รัฐบาลไทยชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2021.03.12
กรุงเทพฯ
รัฐบาลไทยชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา นายสาธิต ปิตุเตชะ (ซ้ายมือ) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายอนุทิน ชาญวีรกูล (ขวามือ) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข รับมอบวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท แอสตราเซเนกา วันที่ 8 มีนาคม 2564
เบนาร์นิวส์

ในวันศุกร์นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงรัฐมนตรีบางคน เลื่อนการเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท แอสตราเซเนกา ซึ่งแต่มีกำหนดการในการฉีดวันศุกร์ออกไปก่อน เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า จำเป็นต้องการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีพบว่า บางประเทศมีประชาชนได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนจากบริษัทนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแก่สื่อมวลชนว่า ตนเองเตรียมตัวพร้อมที่จะไปฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่แพทย์แจ้งมาให้มีการชะลอ จึงจำเป็นต้องเลื่อนการฉีดออกไปก่อน

“ตอนนี้เราต้องฟังคณะแพทย์ เมื่อเขามีความเห็นอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามอยากให้ประชาชนมั่นใจ เพราะสิ่งนี้ คือสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก ในการจะฉีดหรือไม่ฉีดก็ตาม รัฐบาลก็หวังให้ประชาชนปลอดภัย ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีคนเดียวที่มีความสำคัญ แต่ประชาชนทุกคนมีความสำคัญเหมือนกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ในช่วงสายวันเดียวกัน ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขพร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงสาเหตุในการชะลอการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของ บริษัท เอสตราเซเนกา โดยระบุว่า ในบางประเทศ พบผู้ได้รับวัคซีนบางรายมีอาการลิ่มเลือดแข็งตัว ซึ่งต้องรอผลการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนหรือไม่

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงานการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 11 มีนาคม ประเทศเดนมาร์ก ออสเตรเลีย และบางประเทศในยุโรป ได้ประกาศให้มีการชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาไปก่อน เพราะ พบผู้ป่วยมีลิ่มเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ ทำให้คณะแพทย์และทีมงานด้านการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทยต้องนำเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณา

“เราจำเป็นจะต้องชะลอการฉีดวัคซีนออกไปก่อน อย่างมากประมาณ 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากการให้วัคซีนประชาชนต้องปลอดภัยที่สุด แม้วัคซีนของแอสตราเซเนกาจะมีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดี เพื่อรอการสืบค้นสาเหตุว่า อาการที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ ถ้าผลออกมาว่า ไม่เกี่ยวข้อง ก็ยิ่งสร้างความมั่นใจว่า วัคซีนที่จะฉีดให้ประชาชนมีความปลอดภัย ขอให้มั่นใจว่า กระทรวงสาธารณสุขกำลังมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ประชาชน” นพ.ปิยะสกล กล่าว

ด้าน นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ส่งวัคซีนรุ่นผลิต "ABV5300" จำนวน 1 ล้านโดส ให้แก่ 17 ประเทศในสหภาพยุโรป โดยเดนมาร์กพบ มีผู้ป่วยเกิดลิ่มเลือดหลายราย เสียชีวิต 1 ราย จึงมีการประกาศชะลอการฉีด 2 สัปดาห์ ซึ่งสาเหตุของอาการดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบค้น นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศ เช่น ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ ออสเตรีย เอสโตเนีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก ลัตเวีย ที่ใช้วัคซีนรุ่นเดียวกัน ประกาศชะลอการใช้ด้วย

“ล่าสุดองค์กร European Medicine Agency (EMA) ได้ประเมินอุบัติการณ์การเกิดลิ่มเลือด เบื้องต้นพบว่า ตัวเลขการเกิดไม่แตกต่างกับคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องปกติเมื่อเกิดเหตุการณ์หลังฉีดวัคซีน จะมีการชะลอและสอบสวนจนกว่าจะชัดเจนจึงกลับมาฉีดอีกครั้ง เช่น กรณีเกาหลีใต้ที่มีผู้เสียชีวิตเป็นข่าวในสัปดาห์ก่อน ก็ยืนยันแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนและกลับมาฉีดใหม่” นพ.ประสิทธิ์ ระบุ

ขณะที่ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นมีการฉีดวัคซีนไป 3 ล้านโดส มีผู้ป่วยเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ จำนวน 22 ราย เสียชีวิต 1 ราย คิดเป็นโอกาสในการเกิดประมาณ 7 ราย ใน 1 ล้านราย จึงต้องมีการสอบสวนว่า เป็นเหตุการณ์ที่แม้ไม่ได้ฉีดวัคซีนก็เกิดหรือไม่

“ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ พบมากในคนแอฟริกันและยุโรปมากกว่าเอเชีย โดยยุโรปพบมากกว่าเอเชียถึง 3 เท่า มาจากปัจจัยทางพันธุกรรม สำหรับการชะลอการฉีดวัคซีน คณะกรรมการฯ เห็นว่าควรรอผลพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ เป็นเฉพาะรุ่นนี้หรือไม่ การที่เราเลื่อนครั้งนี้ เราไม่ได้บอกว่าวัคซีนไม่ดี ไม่ได้บอกเลยว่าวัคซีนนี้จะมีปัญหาอะไร แต่เลื่อนเพื่อพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องไม่เกี่ยวข้องกันอย่างไร ในงานนี้ไม่ได้บอกเลยว่า วัคซีนแอสตราเซเนกาบกพร่องอะไร” นพ.ยง กล่าว

ในวันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เพื่อความปลอดภัย และความมั่นใจของประชาชน ประกอบกับสถานการณ์การระบาดในประเทศไทย ขณะนี้ มีแนวโน้มดีขึ้น และควบคุมการระบาดได้ จึงมีความเหมาะสมที่จะรอผลการสอบสวนกรณีลิ่มเลือดอุดตันของสหภาพยุโรปก่อน โดยหากพบว่า อาการผิดปกติไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนก็จะเดินหน้าฉีดต่อไป ซึ่งวัคซีนของยุโรปเป็นคนละล็อตกับที่จัดส่งให้ประเทศไทย และท่านนายกรัฐมนตรี มอบให้เป็นมติของคณะแพทย์ว่า ท่านควรจะได้รับการฉีดได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นวัคซีนชนิดใหม่ที่จะนำมาฉีดให้ผู้นำประเทศและประชาชน คณะแพทย์ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

สำหรับวัคซีนของบริษัท แอสตราเซเนกา ที่นำเข้าล็อตแรกจำนวน 117,3000 โดส มาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

“การวิเคราะห์ข้อมูลความปลอดภัยจากบันทึกกว่า 10 ล้านครั้ง ยังไม่พบหลักฐานการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยง ของอาการลิ่มเลือดอุดตันในปอด หรือลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอายุ เพศ หรือในประเทศใดๆ และในความเป็นจริง ตัวเลขผู้มีผลข้างเคียงดังกล่าวหลังการฉีดวัคซีนนี้ ต่ำกว่าตัวเลขที่พบได้ในคนปกติด้วยซ้ำ” โฆษกของบริษัท แอสตราเซเนกา เปิดเผยต่อสื่อมวลชน

ขณะที่ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization - WHO) ระบุว่า ไม่มีเหตุผลที่จะระงับการใช้วัคซีน เพราะยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า วัคซีนชนิดนี้ทำให้เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน และเห็นว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกามีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม แต่ก็จะมีการสอบสวนการเสียชีวิตของผู้ที่ได้รับวัคซีนต่อไป

"วัคซีน เป็นวัคซีนที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับวัคซีนอื่น ๆ ที่ใช้อยู่" นางมาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกหญิงขององค์การอนามัยโลก กล่าวกับผู้สื่อข่าวในนครเจนีวา "ใช่เราควรใช้วัคซีนต่อไป" เธอกล่าวเสริม พร้อมย้ำว่าต้องมีการตรวจสอบข้อกังวลอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย และยืนยันว่าการฉีดวัคซีนนี้ นั้นปลอดภัย และไม่มีหลักฐานว่า มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันดังกล่าว

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 36,797 ราย โดยเป็นวัคซีนของบริษัท ซิโนแวค ไบออนเทค จำกัด ซึ่งประเทศไทยนั้นเริ่มฉีดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 มีนายอนุทิน และรัฐมนตรีบางคนร่วมพิธีฉีด ก่อนจะมีการกระจายและฉีดให้กับบุคลากรการแพทย์ และประชาชนในหลายจังหวัด

ทั้งนี้ ตามแผนของรัฐบาล ในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2564 ไทยจะนำเข้าวัคซีน 2 ล้านโดส จากบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด ประเทศจีน มูลค่า 1,228 ล้านบาท และอีก 26 ล้านโดส นำเข้าจากบริษัท แอสตราเซเนกา จำกัด ประเทศอังกฤษ/สวีเดน มูลค่า 6,049 ล้านบาท โดยจะถูกนำมาผลิตและฉีดได้ไม่เกินเดือนมิถุนายน 2564 และในต้นเดือนมีนาคม 2564 รัฐบาลเพิ่งเปิดเผยว่า จะจัดซื้อวัคซีนจากแอสตราเซเนกา 35 ล้านโดส ในมูลค่า 6,387 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีวัคซีน 63 ล้านโดส สำหรับประชาชน 31.5 ล้านคน หรือประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของประชาชนในช่วงวัยที่เหมาะสมกับการฉีดวัคซีน ขณะที่ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด จะเป็นผู้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีน และจะมีกำลังผลิตปีละ 200 ล้านโดส ในอนาคต

ในวันศุกร์นี้ ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่ 81 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 26,679 ราย หายป่วยแล้ว 26,056 ราย ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 538 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 85 ราย

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง