เจ้าหน้าที่เจ็บ 2 นาย ผู้ต้องหาตาย 1 ราย ในเหตุปะทะเทพา
2022.10.25
ปัตตานี และนราธิวาส

เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ขณะที่ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงเสียชีวิต 1 ราย หลังเข้าปิดล้อมบ้านผู้ต้องสงสัยในพื้นที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ในวันอังคารนี้ แม้เจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อม ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกวาดล้างบุคคลที่อาจเป็นภัยคุกคามก่อนงานประชุมเอเปค ในเดือนพฤศจิกายนนี้
พล.ต.ต. วรา เวชชาภินันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า เหตุปะทะเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 16.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการปิดล้อมบ้านผู้ต้องสงสัย ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา ในพื้นที่ ม.7 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา
“เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนคดีความมั่นคงและคดีพิเศษได้เข้าติดตามเป้าหมาย และเจรจาให้มอบตัว แต่ผู้ต้องหาได้วิ่งฝ่าวงล้อม และใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดการปะทะกันขึ้น คนร้ายถูกวิสามัญ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นเรศวร 261 ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ สิบตำรวจเอก นำโชค สุวรรณ ถูกกระสุนบาดเจ็บที่บริเวณขา และจ่าสิบตำรวจตรี อัมรินทร์ หนูโงน บาดเจ็บที่บริเวณศีรษะ” พล.ต.ต. วรา กล่าว
“ผู้เสียชีวิตคือ นายอับดุล สอเหร็ม อายุ 32 ปี มีหมายจับในคดีความมั่นคง 14 หมาย ใกล้ศพผู้ตายพบอาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อซีแซด 9 มม. 1 กระบอก"
"นายอับดุลเคยก่อคดีสำคัญ เช่น คดีปล้นรถจากเต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย เสียชีวิต 1 ราย และคดีลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ ร้อย ร.2531 ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย”
พล.ต.ต. วรา ระบุว่า ปัจจุบัน ส.ต.อ. นำโชค รับการรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ต้องเฝ้าดูอาการ ขณะที่ จ.ส.ต. อัมรินทร์ หนูโงน ถูกส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลยะลาสิริรัตนรักษ์ ภายในศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนี้มีอาการปลอดภัย
หลังเกิดเหตุ พ.อ. เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่า “ปฏิบัติการครั้งนี้ได้ดำเนินการตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ด้วยการเชิญผู้นำท้องที่ ผู้นำศาสนา และเครือญาติ เข้าร่วมเจรจาเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายที่หลบซ่อนอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวยอมออกมามอบตัว แต่คนร้ายกลับไม่ยินยอม กลับใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนี จึงได้เกิดการยิงต่อสู้”
ขณะที่ พล.ท. ศานติ สกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และกอ.รมน.ภาค 4 ได้แสดงความเสียใจต่อญาติของผู้เสียชีวิตแล้ว
“เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีความต้องการที่จะหมายเอาชีวิตคนร้ายแต่อย่างใด แต่เหตุที่เกิดขึ้นเนื่องจากคนร้ายไม่ยอมออกมามอบตัว กลับยิงต่อสู้จนทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บถึง 2 นาย... ส่วนผู้ให้ที่พักพิงแก่คนร้ายจะต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายต่อไป” พล.ท. ศานติ กล่าว
กวดขันความปลอดภัย ก่อนงานประชุมเอเปค
ผู้บัญชาการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวกับสื่อในพื้นที่ถึงการเตรียมความพร้อมในการซักซ้อมการปฏิบัติด้านการรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกการจราจร ในการเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้องที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้
มีการใช้กำลังตำรวจกว่า 20,000 นาย และหน่วยสนับสนุนกว่า 30 หน่วยงาน เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และยังได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังเหตุก่อนการจัดการประชุมฯ โดยได้ระดมกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืน ยาเสพติด บุคคลตามหมายจับทุกข้อหา ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน
เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งกล่าวว่า ในช่วงเวลาก่อนการประชุมเอเปค ผู้บัญชาการตำรวจคนใหม่มีคำสั่งให้กวดขันระดมกวาดล้างสิ่งที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อการประชุมเอเปคที่จะมีขึ้นในเดือนหน้านี้
เมื่อต้นเดือนสิงหาคมปี 2562 ได้เกิดเหตุคนร้ายวางระเบิดหลายจุด ในกรุงเทพและปริมณฑล ในระหว่างมีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ในกรุงเทพฯ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าคนร้ายหวังผลต่อการประชุมฯ ด้าน พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ขณะนั้น) ระบุ ผู้ก่อเหตุอาจเป็นกลุ่มการเมือง
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน 2019 ครั้งนั้น จัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ กรุงเทพฯ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างจากประเทศสมาชิก และประเทศพันธมิตร เช่น จีน สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ฯลฯ และอื่น ๆ รวม 31 ประเทศ เข้าร่วมการประชุม
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัยสองราย โดยทั้งสองมีภูมิลำเนาในอำเภอรือเสาะ นราธิวาส