เจ้าหน้าที่ปัตตานีแจ้งความชาวประมงคราดหอย หลังล้อมเรือกรมทรัพยากร
2022.09.28
ปัตตานี

เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 เปิดเผยในวันพุธนี้ว่า ได้แจ้งความเอาผิดแกนนำเรือประมงคราดหอย และพวกกว่า 70 ลำ เนื่องจากใช้เครื่องอุปกรณ์ประมงผิดกฎหมาย และล้อมเรือเจ้าหน้าที่ ขณะลงไปห้ามไม่ให้คราดหอยใกล้ชายฝั่ง ในพื้นที่อำเภอยะหริ่ง ปัตตานี
นายสุชาติ รัตนเรืองสี เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับชาวประมงกลุ่มคราดหอยที่สถานีตำรวจภูธรยะหริ่ง หลังจากเจ้าหน้าที่พยายามเข้าห้ามการกระทำผิด แต่กลับถูกชาวประมงใช้เรือปิดล้อมเมื่อวานนี้
“ดำเนินคดีกับแกนนำ 2 คน นายเจ๊ะโซ๊ะ และนายมะมึง ไม่ทราบนามสกุล ชาวบ้านดาโต๊ะ ตำบลแหลมโพธิ์ อำเภอยะหริ่ง พร้อมพวกคือ กลุ่มประมงคราดหอยทั้งหมด ในข้อหาทำการประมงโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ใช้เครื่องมือประมงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตทำการประมงพาพาณิชย์จากอธิบดีหรือซึ่งผู้ที่อธิบดีมอบหมาย เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายตามมาตรา 36 ตาม พ.ร.ก.การประมง ประกอบประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ ระบุว่า ชาวประมงในพื้นที่ บ้านดาโต๊ะ, แหลมนก, บือติง และยูโย ในตำบลแหลมโพธิ์ แต่เดิมเป็นกลุ่มที่ทำประมงโดยใช้ลอบพับ หรือไอ้โง่ แต่ในช่วงที่ผ่านมา เมื่อพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีหอยจำนวนมากจึงเปลี่ยนมาทำประมงโดยใช้คราด ซึ่งเป็นเครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สามารถจับหอยได้ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ซึ่งจะกระทบต่อการขยายพันธุ์ของหอย
“กลุ่มเรือคราดหอย คราดหอยได้ขนาดเล็ก 100 ตัวต่อกิโลกรัม แล้วขายให้แม่ค้าส่งไปให้กลุ่มเลี้ยงหอยที่สุราษฎร์ฯ เจ้าหน้าที่พยายามห้าม พยายามขอความร่วมมือ แต่เขาพยายามขัดขวาง เมื่อเจ้าหน้าที่กลับเขาก็ทำเหมือนเดิม” นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ กล่าวว่า ในก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่พบการกระทำผิด และได้ตักเตือนตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2565 แต่ไม่เป็นผล ชาวประมงกลุ่มนี้ยังคงดำเนินการต่อ แม้เจ้าหน้าที่ขู่ว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาในวันที่ 27 กันยายน เจ้าหน้าที่ได้ใช้เรือ 3 ลำ เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในบริเวณดังกล่าว และห้ามไม่ให้ใช้คราด โดยขอให้ปลี่ยนมาใช้การหาหอยด้วยมือ โดยได้แจ้งให้ทราบว่า หากใช้คราดทำประมงจะมีโทษปรับสูงกว่าหนึ่งแสนบาท ทำให้มีเรือบางลำแล่นหลบหนีเจ้าหน้าที่ไป
อย่างไรก็ตาม เจ้าของเรือบางลำ ระบุว่า “เจ้าหน้าที่รังแกประชาชน” และเคลื่อนเรือกว่า 70 ลำ มาล้อมเรือของเจ้าหน้าที่ไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่และชาวประมงสามารถเจรจากันได้ ชาวประมงจึงยอมสลายตัวไปจากพื้นที่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางกลับ ก็ได้รับแจ้งว่าชาวประมงกลุ่มเดิมกลับมาคราดหอยอีก ทำให้เจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความในวันพุธ
ด้าน นายอัลอามีน มะแต คณะทำงานเครือข่ายชุมชนประมงพื้นบ้านและชายฝั่งรอบอ่าวปัตตานี กล่าวว่า พื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุมีจำนวนหอยมากขึ้น เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการรณรงค์และดำเนินการขยายพันธุ์หอย
“ที่ผ่านมา อนุญาตให้เฉพาะการงมหอยด้วยมือ โดยจะต้องมีขนาดใหญ่ 30-40 ตัวต่อกิโลกรัมก่อน จึงจับได้ มีการห้ามใช้คราด แต่ช่วงนี้มีชาวประมงที่เดิมใช้ลอบพับมาคราดหอย แรก ๆ 4-5 ลำ ได้วันละไม่ต่ำกว่า 100 กิโลกรัม ขายได้ในราคา 20-50 บาท โดยจะมีนายทุนมารับซื้อ แล้วนำไปขายต่อที่สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พยายามปราบปราม กลับมีการข่มขู่จนมีการดำเนินคดี” นายอัลอามีน กล่าว
ด้าน นายมุกตา สาและ ชาวประมง จ.ปัตตานี ระบุว่า ชาวประมงจำนวนมากเข้ามาคราดหอยในพื้นที่ หลังจากหอยบริเวณนั้นเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบ 10 ปี
“ชาวประมงแตกตื่นแห่กันเอาเรือติดเครื่องยนต์มาคราดพันธุ์หอยไปขายให้นายทุน บางกลุ่มใช้มือหาหอย เพราะคิดว่าจะสามารถหาหอยได้นาน ๆ กินเรื่อย ๆ แต่กลุ่มคราดหอยเขาคิดว่าเป็นโอกาสที่เขาจะโกยเงิน ซึ่งมันอาจจะทำให้หอยหมดจนสูญพันธุ์ เขาขายได้กิโลกรัมละ 50 บาท กิโลกรัมละประมาณ 100-300 ตัว เขาหาได้เป็นหมื่นบาทต่อวัน แต่ชาวบ้านใช้มืออย่างเรา ๆ ได้อย่างมากก็ 300-500 บาท” นายมุกตา กล่าว