ศาลปกครองตัดสินให้นักเรียนอนุบาลปัตตานีใส่ฮิญาบในโรงเรียนพุทธได้
2022.04.21
ปัตตานี

ศาลปกครองยะลา ได้มีคำพิพากษาในวันพฤหัสบดีนี้ ให้นักเรียนหญิงของโรงเรียนอนุบาลปัตตานี หรือโรงเรียนวัดนพวงศาราม ที่นับถือศาสนาอิสลาม สามารถคลุมฮิญาบมาโรงเรียนได้ หลังจากที่โรงเรียนได้มีคำสั่งห้าม เมื่อสี่ปีก่อน
ผู้ปกครองมุสลิม ซึ่งได้ฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เมื่อปี 2561 เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีกับคำตัดสินดังกล่าว ขณะที่ชาวพุทธในพื้นที่มองว่า การฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการใช้กฎหมู่กดดันโรงเรียน
ในวันพฤหัสบดีนี้ ศาลปกครองยะลา ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่นักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี และผู้ปกครองรวม 20 คน เป็นผู้ร้อง และมีกระทรวงศึกษาธิการและพวก 2 ราย เป็นผู้ถูกร้อง หลังจากที่ได้มีการพิจารณาคดีครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565
“พิพากษาเพิกถอนระเบียบโรงเรียนอนุบาลปัตตานี วัดนพวงศาราม ว่าด้วยการควบคุมและดูแลความประพฤติ การลงโทษ และการตัดคะแนนความประพฤติของนักเรียน พ.ศ. 2561 หมวดที่ 3 ว่าด้วยเครื่องแบบและการแต่งกายของนักเรียนในส่วนที่มิได้กำหนดลักษณะเครื่องแบบและการแต่งกายของนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลามให้สามารถแต่งเครื่องแบบและการแต่งกายตามข้อกำหนดของศาสนาอิสลามได้” นายสมมาศ รัฐพิทักษ์สันติ ตุลาการศาลปกครองยะลา อ่านคำพิพากษา
ทั้งนี้ ศาลได้พิจารณาว่าการอออกคำสั่งของผู้อำนวยการว่า เมื่อพิจารณาจากหนังสือที่เจ้าอาวาสวัดนพวงศารามอนุญาตให้สร้างโรงเรียนอนุบาลปัตตานี เมื่อ พ.ศ. 2510 “ไม่ปรากฏข้อความหรือถ้อยคำใดที่กำหนดว่าเจ้าอาวาสมีอำนาจออกระเบียบห้ามนักเรียนแต่งเครื่องแบบตามศาสนาที่ตนนับถือ” ตามที่ผู้อำนวยการได้ใช้อ้างเป็นเหตุผลในการออกคำสั่งห้ามคลุมฮิญาบตามเจตนารมณ์ของเจ้าอาวาส
ส่วนกรณีที่กระทรวงศึกษาออกระเบียบว่าด้วยการแต่งเครื่องแบบนักเรียน ให้ทำตามคำสั่งโรงเรียน และประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2561 นั้น ทางผู้ปกครองไม่ได้ยื่นคำร้องให้เพิกถอนภายใน 90 วันหลังจากมีการประกาศ ศาลปกครองจึงไม่ได้นำมาพิจารณา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่โรงเรียนมีเวลา 30 วัน ในการอุทธรณ์คำตัดสินของศาล เบนาร์นิวส์ไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเพื่อขอความคิดเห็นได้ทันทีในวันพฤหัสบดีนี้
หลังทราบคำพิพากษา นางอัศรา รัฐการัณย์ หนึ่งในผู้ปกครองเด็กนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี เปิดเผยว่า ผู้ปกครองชาวมุสลิมต่างรอคอยคำพิพากษานี้มาเป็นเวลา 4 ปี
“คำพิพากษานี้กำลังบอกให้สังคมมุสลิมในประเทศไทยรู้ว่าเรายังมีสิทธิชอบธรรมที่จะปฏิบัติ และแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัดได้เหมือนเดิม ไม่สามารถที่จะเขียนกติการะเบียบเพื่อขีดกั้นไม่ให้นักเรียนแต่งกายตามหลักศาสนาที่ตนเชื่อได้อีกต่อไป... เหมือนจะตอกย้ำว่าเราเป็นประเทศพหุวัฒนธรรมมาอย่างช้านาน” นางอัศรา กล่าวกับเบนาร์นิวส์
ขณะที่ ผู้ปกครองอีกรายหนึ่ง (สงวนชื่อและนามสกุล) ระบุว่า ถึงแม้ว่าน้อง ๆ หลายคนได้เรียนจบออกไปแล้ว แต่หลายคนก็ยังเรียนอยู่ เรื่องนี้ถือเป็นกรณีศึกษาและบรรทัดฐานให้โรงเรียนอื่น ๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้
อย่างไรก็ตาม ชาวพุทธในพื้นที่รายหนึ่งแสดงความผิดหวังต่อคำพิพากษาว่า เห็นว่าอีกฝ่ายใช้คนหมู่มากกดดัน
“กฏหมู่ที่อยู่เหนือกฏทั้งปวง โรงเรียนอนุบาลปัตตานีใช้พื้นที่ของวัดนพวงศาราม แต่อิสลามจะขอคลุมฮิญาบในโรงเรียนซึ่งเจ้าอาวาสเคยมีคำสั่งเป็นหนังสือสัญญาให้แต่งกายตามระเบียบของโรงเรียน ทางวัดไม่อนุญาตให้คลุมฮิญาบ เพราะเป็นพื้นที่ของวัด และไม่ให้เป็นการแตกแยกโรงเรียนเดียวกันต้องแต่งกายเหมือนกันทั้งพุทธ มุสลิม แต่ทางอิสลามไม่ยอมได้นำเรื่องนี้ฟ้องศาล ได้กล่าวหาว่าทางวัดละเมิดสิทธิ” ชาวพุทธรายดังกล่าว บอกเบนาร์นิวส์ โดยขอสงวนชื่อ-นามสกุล
กรณีที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2561 ครูในโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ได้ตำหนินักเรียนมุสลิมของบางคนเรื่องการแต่งกาย และห้ามการคลุมผ้าคลุมผม หรือฮิญาบมาเข้าเรียน โดยอ้างว่าที่ดินของโรงเรียนเป็นที่ดินของวัดนพวงศาราม โรงเรียนมีนักเรียนร่วม 2,000 คน และร้อยละ 40 เป็นนักเรียนมุสลิม
ต่อมาวันที่ 18 พฤษภาคม 2561 นายประจักษ์ ชูศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี (ในขณะนั้น) ได้ชี้แจงกับผู้ปกครองนักเรียนว่า โรงเรียนห้ามไม่ให้นักเรียนคลุมฮิญาบมาเข้าเรียน โดยแนะนำให้นักเรียนที่ต้องการคลุมฮิญาบไปเรียนให้ไปเรียนที่โรงเรียนอื่น
ต่อมาวันที่ 20 พฤษภาคม 2561 ศึกษาธิการจังหวัด และนายประจักษ์ ได้มีการหารือ และแถลงร่วมกันว่า โรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนมุสลิมสามารถสวมชุดนักเรียนตามหลักศาสนาอิสลามได้ โดยนักเรียนชายให้ใส่กางเกงขายาว และนักเรียนหญิงให้คลุมฮิญาบได้ ทำให้สามวันหลังจากนั้น มีผู้ปกครองและชาวพุทธรวมกว่า 300 คน ชุมนุมประท้วงการแถลงดังกล่าวที่หน้าโรงเรียน
วันที่ 5 มิถุนายน 2561 นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ในขณะนั้น) ได้ลงนามในระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน ซึ่งมีใจความสำคัญระบุว่า สำหรับโรงเรียนที่เป็นพื้นที่ธรณีสงฆ์ นักเรียนจำเป็นต้องแต่งกายตามระเบียบที่วัดและโรงเรียนได้ตกลงกัน ซึ่งทางโรงเรียนอนุบาลปัตตานีไม่อนุญาตให้นักเรียนมุสลิมคลุมฮิญาบเข้าเรียน ทำให้ผู้ปกครองนักเรียนจำนวนหนึ่งยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสงขลาในเดือนตุลาคม 2561 เพื่อให้โรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนมุสลิมสามารถแต่งกายตามศาสนาได้ และในวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีดังกล่าว
ต่อมาคดีดังกล่าวได้ย้ายมาอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองยะลา และวันที่ 24 มีนาคม 2565 ศาลได้พิจารณาคดีดังกล่าวเป็นครั้งแรกก่อนที่จะนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 21 เมษายน 2565 โดยให้โรงเรียนเพิกถอนระเบียบการแต่งกายเดิม ซึ่งห้ามนักเรียนมุสลิมสวมชุดนักเรียนตามหลักศาสนา