ตำรวจ-ทหาร ตาย 2 เจ็บ 1 ในเหตุลอบโจมตีสองครั้งในนราธิวาส

มาตาฮารี อิสมาแอ และมารียัม อัฮหมัด
2022.08.22
นราธิวาส และปัตตานี
ตำรวจ-ทหาร ตาย 2 เจ็บ 1 ในเหตุลอบโจมตีสองครั้งในนราธิวาส เจ้าหน้าที่เดินผ่านรถจักรยานยนต์ของ ดาบตำรวจรอฮิง ประสิทธิชัยวุฒิ ที่ถูกยิงคนร้ายยิงเสียชีวิตในหมู่บ้านเกาะยาว ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ นราธิวาส วันที่ 21 สิงหาคม 2565
ภาพโดย เจ้าหน้าที่จังหวัดชายแดนใต้

ในวันจันทร์นี้ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร รวม 2 ครั้ง ในห้วงเวลาข้ามคืน ในพื้นที่อำเภอตากใบและอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตรวม 2 นาย และได้รับบาดเจ็บ 1 นาย นับเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากการเผา-วางระเบิดร้านสะดวกซื้อเกือบยี่สิบแห่งในสัปดาห์ที่แล้ว 

ในเหตุการณ์แรก พ.ต.อ. นราวี บินแวอารง ผู้กำกับการ สภ.ตากใบ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 22.40 น. ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ คนร้ายได้ยิงตำรวจ สภ.ตากใบ เสียชีวิตหนึ่งนาย ขณะเดินทางไปพบปะกับแหล่งข่าว เหตุเกิดที่ริมถนนในหมู่บ้านเกาะยาว ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ

“คนร้ายดักซุ่มยิงดาบตำรวจรอฮิง ประสิทธิชัยวุฒิ อายุ 49 ปี ผบ. หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ตากใบ ขณะกำลังขี่จักรยานยนต์ตามลำพังเพื่อไปพบปะพูดคุยกับแหล่งข่าว คาดว่ามีคนร้ายประมาณ 3 ถึง 5 คน ดักซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ริมทาง ใช้อาวุธปืนสงคราม เอ็ม-16 และอาก้ายิงใส่” พ.ต.อ. นราวี กล่าว

นอกจากนั้น คนร้ายได้ค้นตัวดาบตำรวจรอฮิง และใช้ปืนพก ขนาด 9 ม.ม. ของดาบตำรวจรอฮิงเอง ยิงที่ศีรษะ 1 นัด ก่อนหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมพื้นที่ในช่วงกลางคืน ก่อนลงตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งในช่วงเช้าวันจันทร์นี้ 

พ.ต.อ. นราวี ระบุว่า ในที่เกิดเหตุพบร่าง ด.ต. รอฮิง นอนตายอยู่ใก้ลรถจักรยานยนต์ โดยมีรอยกระสุนปืนทั่วร่างกาย เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนพก ขนาด 9 ม.ม. 1 ปลอก และในพุ่มไม้ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร พบปลอกกระสุนปืนอาก้า และเอ็ม-16 ตกอยู่กว่า 10 ปลอก มีรอยรองเท้าต้องสงสัยจำนวนหนึ่ง 

เจ้าหน้าที่จะได้ส่งร่างของ ด.ต. รอฮิง ไปยังโรงพยาบาลตากใบ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพ และมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนเจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานและสืบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุ 

ต่อมา ในเวลา 08.30 น. ของวันจันทร์นี้ พ.ต.อ. อดุลย์ เงาะ ผู้กำกับการ สภ.จะแนะ เปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุคนร้ายซุ่มยิงและขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 4914 ขณะที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณหน้าฐานปฏิบัติการ บ้านมะนังซีโป ต.จะแนะ อ.จะแนะ จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ 

“คนร้ายซึ่งซ่อนอยู่ในป่าทึบหลังบ้านชาวบ้าน ห่างจากถนนหน้าฐาน ประมาณ 20 เมตร ได้ใช้อาวุธปืนสงคราม เอ็ม-16 ยิงใส่ศีรษะอาสาสมัครทหารพรานวรวิทย์ ทิพย์รักษ์ จนเสียชีวิต และใช้ไปป์บอมบ์ขว้างใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้อาสาสมัครทหารพรานมะซูร เจ๊ะแล๊ะ มีอาการเจ็บหน้าอก และเวียนศีรษะ คนร้ายได้ใช้อาวุธปืน เอ็ม-16 ยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเบิกทางหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ไม่กล้ายิงตอบโต้ เพราะเกรงชาวบ้านจะถูกลูกหลง” พ.ต.อ. อดุลย์ กล่าว 

พ.ต.อ. อดุลย์ ระบุว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจะแนะ จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบเศษไปป์บอมบ์กระจัดกระจาย ผิวถนนยางมะตอยเป็นหลุมลึกประมาณ 3 นิ้ว กว้าง 5 นิ้ว ห่างออกไปราว 20 เมตร บริเวณช่องทางเดินระหว่างบ้านของชาวบ้าน 2 หลังพบปลอกกระสุนปืน เอ็ม-16 ตกอยู่ 20 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป 

ทั้งสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ ซึ่งในเบื้องต้น พ.ต.อ. อดุลย์ เชื่อว่าอาจเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากการที่กลุ่มคนร้ายก่อวินาศกรรมด้วยการวางระเบิด-วางเพลิงในปั๊มน้ำมันและร้านสะดวกซื้อ 17 จุด ในพื้นที่ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ที่ได้สร้างความเสียหายจำนวนมาก ในวันที่ 16-17 สิงหาคม นี้ 

หลังเกิดเหตุ มีเว็บเพจที่อ้างว่าเป็นสมาชิกกลุ่มบีอาร์เอ็นออกมาแสดงความรับผิดชอบว่าทำไปเพราะต้องการต่อต้านการผูกขาดการค้าปลีกของกลุ่มซีพี แต่ พล.ต. ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาคสี่ กล่าวว่าตนไม่ยังปักใจเชื่อว่าเพจดังกล่าวเป็นของบีอาร์เอ็นจริง ขณะที่เจ้าหน้าที่บางส่วนเชื่อว่าบีอาร์เอ็นเป็นผู้ลงมือจริง 

ด้านแกนนำของบีอาร์เอ็นรายหนึ่ง ปฏิเสธที่จะออกความเห็นต่อการก่อเหตุรุนแรงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกับเบนาร์นิวส์ 

ทั้งนี้ แม้ว่าทางคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้และตัวแทนของขบวนการบีอาร์เอ็น ได้เจรจาเป็นรอบที่สามในปีนี้เมื่อต้นเดือนสิงหาคม โดยฝ่ายไทยเสนอให้ดำเนินการหยุดยิงในช่วงการเข้าพรรษาเป็นเวลา 108 วัน แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ และกลับมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พลโท ธิรา แดหวา แม่ทัพน้อยที่ 4 ในฐานะเลขานุการคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ภาครัฐยังยืนยันใช้แนวทางสันติวิธี เน้นพูดคุยเพื่อหาทางออกของความขัดแย้งต่อไป 

“แต่กับกลุ่มที่ไม่ยอมพูดคุยและใช้ความรุนแรง รัฐก็ต้องบังคับใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของคนส่วนใหญ่... ในส่วนประเด็นเข้าพรรษาสันติ ยังอยู่ระหว่างนำเสนอข้อมูลและถกเถียงกัน รวมทั้งจะนำเข้าคณะใหญ่ในเดือนตุลาคมนี้” พล.ท. ธิรา กล่าวกับเบนาร์นิวส์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม นายอีสอมะ (สงวนนามสกุลเพื่อความปลอดภัย) ชาวจังหวัดยะลา กลับเชื่อว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของผลประโยชน์ในพื้นที่ซึ่งยังตกลงกันได้ไม่ลงตัว 

“ดินแดนมรสุมสู้รบเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มมีอำนาจ หลายคนก็รู้ถ้าผลประโยชน์ลงตัวย่อมร่วมกันได้ บีอาร์เอ็น มี 2 คือ บีอาร์เอ็นมีสี กับบีอาร์เอ็นที่มีอุดมการณ์” นายอีสอมะ กล่าวกับเบนาร์นิวส์ 

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง