นายกฯ ทูลเกล้า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เป็น รมว. ต่างประเทศคนใหม่
2024.04.30
กรุงเทพฯ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ทูลเกล้าฯ เสนอชื่อ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำแคนาดา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) คนใหม่แล้ว ตามการเปิดเผยของ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม โดยการทูลเกล้าฯ ครั้งนี้เพื่อทดแทน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่เพิ่งลาออกไป
“ทราบว่า นายกรัฐมนตรี ได้ทูลเกล้าฯ ชื่อ (นายมาริษ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่แล้ว เข้าใจว่าคนที่ออกไป (นายปานปรีย์) และคนที่เข้ามาใหม่ (นายมาริษ) ก็ทุ่มเทการทำงานให้กับรัฐบาลและประชาชน” นางมนพร เปิดเผยกับสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล
ด้าน นายเศรษฐา เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับนายมาริษแล้วเบื้องต้น แต่ต้องรอการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอย่างเป็นทางการจึงจะมอบหมายนโยบาย
“ยังไม่ได้มอบหมายอะไร เพราะยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ก็ต้องรอให้โปรดเกล้าฯ ก่อน (การพูดคุยวันนี้) เป็นการพูดคุยกันธรรมดา ท่านมานั่ง (ที่ทำเนียบรัฐบาล) อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว เพราะท่านเป็นที่ปรึกษาของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ท่านก็ติดตามผมไปต่างประเทศทุกเวทีอยู่แล้ว” นายเศรษฐา ระบุ
นายเศรษฐา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในเดือนพฤษภาคม 2567 นายมาริษ จะเดินทางไปเยือนประเทศฝรั่งเศส และอิตาลี พร้อมกับนายกรัฐมนตรีด้วย และในการประชุมติดตามงานด้านความมั่นคงที่ทำเนียบรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีวันอังคารนี้ นายมาริษก็ได้เข้าร่วมประชุมด้วย
ในวันเดียวกัน นายปานปรีย์ ได้เดินทางไปที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่ออำลาข้าราชการในกระทรวง โดยกล่าวกับข้าราชการที่มาต้อนรับว่า “เป็นการอำลาชั่วคราว เรียกใช้งานได้ตลอดหากเห็นว่ามีประโยชน์… ข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศมีศักยภาพสูง ไม่ว่ารัฐมนตรีคนใหม่จะเป็นใคร ก็เชื่อว่า จะทำงานได้ด้วยดี จึงไม่มีอะไรน่ากังวล”
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศการพ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งรัฐมนตรีในรัฐบาลเศรษฐา 1/1 โดยมีการปรับ นายปานปรีย์ ออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เหลือไว้เพียงตำแหน่ง รมว. กระทรวงการต่างประเทศ ทำให้ในวันที่ 29 เมษายน 2567 นายปานปรีย์ได้ยื่นใบลาออกจากทุกตำแหน่งใน ครม. ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงต้องหาตัวผู้ที่จะรับตำแหน่งทดแทน
นายมาริษ อายุ 66 ปี เป็นอดีตข้าราชการ กต. เคยเป็นเอกอัครราชทูตในประเทศออสเตรเลีย แคนาดา เนปาล และฟิจิ รวมทั้งเคยเป็นที่ปรึกษาของนายปานปรีย์ ขณะดำรงตำแหน่ง รมว. กระทรวงการต่างประเทศด้วย โดยก่อนเข้ารับตำแหน่ง รมว. นายมาริษ เพิ่งยื่นใบลาออกจากตำแหน่งกรรมการ บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) หลังจากทำงานในบริษัทแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2563
การลาออกของนายปานปรีย์ ทำให้นักวิชาการเชื่อว่า อาจกระทบกระบวนการแก้ไขปัญหาเมียนมา ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2567 นายปานปรีย์ มีบทบาทเกี่ยวกับการร่วมแก้ไขปัญหาภายในเมียนมา โดยมีส่วนในการริเริ่มโครงการระเบียงช่วยเหลือทางมนุษยธรรม (Humanitarian Assistance Corridor) แก่ประชาชนเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในประเทศ ในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง และยืนยันว่า พร้อมจะเป็นตัวกลางในกระบวนการสันติภาพในประเทศเมียนมา แต่ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเสียก่อน
“การปรับ ครม. ครั้งนี้ สะท้อนความพยายามปรับภาพลักษณ์ดึงคนใหม่ ๆ เข้ามา แต่ก็ยังคงหนีไม่พ้นภาพของคนจากปีอำนาจเก่า การลาออกของนายปานปรีย์ ซึ่งมีภาพลักษณ์ที่ดี มีผลงานประจักษ์ ไม่ใช่นักต่อรองผลประโยชน์ ทำให้การปรับ ครม. นี้สะท้อนด้านลบ” ผศ.ดร. โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าว
“คุณมาริษ แม้จะเป็นอดีตทูต และที่ปรึกษาคุณปานปรีย์ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะมีแนวทาง หรือวิธีคิดด้านการต่างประเทศ หรือการแก้ไขปัญหาเมียนมาแบบเดียวกับที่คุณปานปรีย์ทำไว้หรือเปล่า ซึ่งผมประเมินว่า คุณปานปรีย์ทำผลงานด้านนี้ไว้ได้ดี ซึ่งถ้าสามารถทำได้เช่นเดียวกับคุณปานปรีย์ ก็จะไม่มีผลกระทบอะไร แต่ถ้าไม่ได้ก็อาจมีผลกระทบแง่ลบ” ผศ.ดร. โอฬาร กล่าว
จรณ์ ปรีชาวงศ์ ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน