ฝากขังอดีตพระคมและพวก ยักยอกทรัพย์เงินวัดร่วม 300 ล้านบาท

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2023.05.08
กรุงเทพฯ
ฝากขังอดีตพระคมและพวก ยักยอกทรัพย์เงินวัดร่วม 300 ล้านบาท เจ้าหน้าที่นำทรัพย์สินที่อดีตพระคมยักยอกและซุกซ่อนไว้ที่วัดป่าธรรมคีรี ในจังหวัดนครราชสีมา ออกมาแสดงหลังจากการตรวจค้นเพิ่มเติม วันที่ 8 พฤษภาคม 2566
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

ปรับปรุงข้อมูล 11:00 p.m. EST 2023-05-09

เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงการจับกุมพระสงฆ์รวม 7 รูป และผู้สนับสนุนและช่วยเหลืออีก 2 ราย ในห้วงสองวันที่ผ่านมา ในข้อหายักยอกเงินวัดและทรัพย์สินมูลค่าร่วม 300 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2563 จากวัดป่าธรรมคีรี ในจังหวัดนครราชสีมา

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวในวันอังคารนี้ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้จับกุมเพิ่มเติม พระสงฆ์อีกจํานวน 5 รูป และนายบุญศักดิ์ ภัทรโกศล (คนขับรถของวัด) ด้วยมีพฤติกรรมช่วยเหลืออดีตพระคมในกันขนย้ายทองคําแท่ง และทรัพย์สินต่าง ๆ ใส่รถตู้และนําไปซุกซ่อนที่ภายนอกวัด

ก่อนหน้าเมื่อวันจันทร์ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบทองคำแท่งและเงินสดเพิ่มเติม จากการขยายผลหลังการจับกุมอดีตพระคมกับพวก ในคดียักยอกเงินวัด ในจังหวัดนครราชสีมา ทำให้มูลค่าของกลางเพิ่มสูงกว่า 200 ล้านบาท และผู้ต้องหาสามคนถูกนำตัวส่งศาลเพื่อฝากขังในระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม

อดีตพระคม อายุ 39 ปี เป็นรองเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี นครราชสีมา ซึ่งแอบอ้างว่ามีความใกล้ชิดกับพระราชวัง ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวและได้ลาสิกขาบทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ โดยในเบื้องต้นในวันนั้นพบยอดเงินที่ถูกยักยอกประมาณ 180 ล้านบาท

พล.ต.ท. จิรภพ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเรื่องเงินทำบุญ เงินบริจาคต่าง ๆ ทำให้พบว่าอดีตพระคม นำเงินที่ได้ซ่อนไว้ในบัญชีของน้องสาวกว่า 70 ล้านบาท พร้อมทั้งพบเงินสดที่ซุกซ่อนไว้ในกระเป๋าพร้อมเคลื่อนย้ายอีก 51 ล้านบาท

“ที่สำคัญเมื่อวาน เราไปตรวจสอบพบทองคำแท่งอีกกว่า 19-20 ล้านบาท ฝังดินซุกซ่อนไว้บนเขาหลังวัด รวมแล้ว 200 กว่าล้านบาท ซึ่งในวันนี้ จะมีการตรวจค้นวัดและเปิดตู้เซฟเพื่อหาทรัพย์สินเพิ่มเติม รวมถึงหลักฐานประกอบสำนวนเอาผิด อดีตพระคมและพวก รวมถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงิน” พล.ต.ท. จิรภพ กล่าว

“ตัวพระเองก็รับสารภาพ เจ้าอาวาสก็รับสารภาพ ซึ่งวัดมีบัญชี 6 บัญชี ถ้ามีเจตนาบริสุทธิ์จริง ต้องเอาเงินใส่บัญชีวัดไว้ ไม่เห็นต้องเอาไปเก็บไว้กับบัญชีใคร ใครบริจาคมาก็เข้าวัด ทุกอย่างโปร่งใส เขารับสารภาพว่าเอาเงินที่ได้จากการบริจาคไปซื้อทอง 19 ล้านบาท” พล.ต.ท. จิรภพ กล่าวเพิ่มเติม

ในคดีนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ตรวจสอบพฤติกรรมของ นายคม หรือพระอาจารย์คม ประธานฝ่ายสงฆ์ของวัดป่า ในจังหวัดนครราชสีมา ว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายทุจริตเงินวัดหรือไม่

จากการสืบสวนและตรวจสอบภายในวัดพบว่า อดีตพระอาจารย์คมเป็นพระผู้ดูแลการใช้จ่ายเงินต่าง ๆ ของวัดรวมถึงเงินที่ญาติโยมมีจิตศรัทธาร่วมทำบุญกับทางวัดร่วมกับเจ้าอาวาสวัด (พระหมอ) มีพฤติการณ์นำเงินทำบุญบางส่วนของวัดไปใช้จ่ายส่วนตัว โดยสั่งการให้เจ้าอาวาสนำเงินสดไปมอบให้ น.ส. จุฑาทิพย์ น้องสาวของตน เพื่อฝากเข้าบัญชีธนาคาร

ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่าได้นำเงินของวัดออกมาจริง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติม และเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เข้าค้นบ้านพักของ น.ส. จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ น้องสาวของผู้ต้องหา พบเงินสดกว่า 51 ล้านบาทที่ถูกเก็บไว้ในลังโฟมและกระเป๋าเดินทางในบ้านพักดังกล่าว และพบเงินวัดที่อยู่ในบัญชีเบื้องต้นกว่า 130 ล้านบาท

พล.ต.ท. จิรภพ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง แต่ทำตามพยานหลักฐาน ด้วยของกลางที่เป็นทรัพย์สินจำนวนมากที่สะสมมาตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน และขณะเข้าตรวจค้นก็มีการนิมนต์คณะสงฆ์ร่วมตรวจสอบเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

“ส่วนเรื่องการเสพเมถุน ตัวเขาก็รับสารภาพว่าทำแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนเปรียญธรรม จากข้อมูลพบว่ามีทั้งพระและฆราวาส ซึ่งเรามองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ไม่เหมาะกับการเป็นพระ” พล.ต.ท. จิรภพ กล่าว

การเสพเมถุนภายในกุฏิของวัด ซึ่งถือเป็นการอาบัติปาราชิกตามข้อบัญญัติทางธรรมวินัยอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งพระคมยอมลาสิกขาบทหลังถูกจับ

ในช่วงเช้าของวันจันทร์นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวอดีตพระคม, นายวุฒิมา หรือ อดีตพระหมอ อายุ 38 ปี และ น.ส. จุฑาทิพย์ อายุ 35 ปี ฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนายคม ออกหมายจับนายคม และนายวุฒิมา ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้น เป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”

ส่วน น.ส. จุฑาทิพย์ถูกจับในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และรับของโจร”

ในเฟซบุ๊กเพจของ พล.อ. ม.จ.จุลเจิม ยุคล นายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ได้เผยแพร่ข้อความ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 ที่อดีตพระคมเล่าให้คณะศิษย์ฟังว่าในหลวงทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้เข้าเฝ้าฯ ที่วังอัมพร เพื่อถวายงานในวาระต่าง ๆ มาตั้งแต่เดือนมกราคม

* อัพเดท จำนวนผู้ต้องหาถูกจับกุมตัว และมูลค่าเงินที่ยักยอกเพิ่มขึันจากวันจันทร์ที่ผ่านมา

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง