ยูเนสโก ขึ้นทะเบียนมรดกโลกให้ โนรา
2021.12.15
กรุงเทพฯ

องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ หรือ องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศในวันพุธนี้ว่า “โนรา” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Intangible Cultural Heritage of Humanity) โดยนับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมสิ่งที่ 3 ของไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียน ด้านกระทรวงวัฒนธรรมเตรียมจัดแถลงข่าวแสดงความยินดีในวันที่ 16 ธันวาคม 2564 นี้
ยูเนสโก ได้จัดประชุม คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 13-18 ธันวาคม 2564 ณ สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส โดยกระทรวงวัฒนธรรมของไทยได้เสนอ “โนรา” ในการขึ้นทะเบียน กระทั่งคณะกรรมการฯ ได้มีผลการพิจารณาในวันพุธนี้
“โนรา ศาสตร์การรำของไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้แล้ว” ยูเนสโก ประกาศผ่านเว็บไซต์
โนรา นับเป็นวัฒนธรรมของไทยอย่างที่ 3 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้ “โขน” ได้รับการขึ้นทะเบียนในปี 2561 และ “นวดไทย” ได้รับการขึ้นทะเบียนในปี 2562 ทั้งนี้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จะได้มีการจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ระบุว่า “โนรา” หรือ “มโนห์รา” เป็นการแสดงพื้นเมืองของภาคใต้ โดยเป็นการละเล่นที่ผสมระหว่างการร้อง การรำ บางครั้งมีการเล่นเป็นเรื่องราว และสะท้อนถึงความเชื่อและพิธีกรรม โดยสันนิษฐานว่า โนรา มีพัฒนาการมาจาก 3 แหล่งคือ
1. พัฒนาการหรือมีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมอินเดีย โดยพัฒนาการจากการเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงที่เกิดขึ้นในราชสำนักภาคใต้ และพอจะเชื่อได้ว่า โนรานั้นเป็นนาฏกรรมของราชสำนักและของท้าวพระยามหากษัตริย์ในภาคใต้มาแล้วตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างน้อย เห็นได้จากชื่อสถานที่ ชื่อบุคคลที่เอ่ยถึงในตำนาน และบทไหว้ครูต่าง ๆ
2. เป็นวัฒนธรรมของคนภาคใต้ดั้งเดิม โดยคาดว่า โนรา เกิดขึ้นระหว่างช่วงปี 1958-2051 ในพื้นที่เมืองพัทลุงเดิม หรือ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง โดยเป็นการแสดงที่มีอยู่ในราชสำนักเดิม ด้วยการอ้างถึงตำนานโนราที่เชื่อมโยงกับตำนานเจ้าเมืองพัทลุงในโบราณกาล
3. เป็นวัฒนธรรมภาคกลางที่ขยายมาสู่ภาคใต้ โดยเชื่อว่า โนรา เดิมอยู่ในกรุงศรีอยุธยาและ “ชาตรี” เป็นชื่อเรียกการละเล่นของภาคใต้ที่มีมาก่อนชื่อโนรา ซึ่งชื่อชาตรีเป็นชื่อที่ชาวบางกอก (กรุงเทพฯ-ธนบุรี) สมัยต้นรัตนโกสินทร์ หรือก่อนหน้านั้นไม่นาน เรียกการแสดงชนิดนี้
ในปี 2559 มีการขุดค้นทางโบราณคดี ณ พระวิหารหลวง (พระอุโบสถ) วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พบชิ้นส่วนกระเบื้องมุงหลังคาดินเผา มีลายประทับเป็นกรอบวงกลมขนาดเล็ก แสดงรูปบุคคลทำท่ายกแขน กางขา สวมเครื่องประดับศีรษะ จึงมีการสันนิษฐานว่า อาจเป็นภาพการแสดงโนรา ซึ่งทำให้เชื่อว่า การแสดงโนราอยู่ในภาคใต้ของประเทศไทยมากว่า 500 ปี ปัจจุบันกระเบื้องดังกล่าวถูกเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ รำโนราในปัจจุบัน มีความแตกต่างจากในอดีต แต่มีหลายส่วนที่ยังคล้ายคลึงการรำแบบดั้งเดิม เมื่อปี 2552 โนราได้รับการประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ และถูกเสนอชื่อขึ้นบัญชีมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ของยูเนสโก ในปี 2564 นี้
การรำโนรา รูปแบบหนึ่งของการแสดงพื้นเมืองดั้งเดิมของภาคใต้ ที่อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส วันที่ 11 ธันวาคม 2564 (เอเอฟพี)