ตำรวจทลายนอมินีรัสเซียครองภูเก็ต ยึด 1.5 พันล้านบาท
2024.06.01
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) แถลงข่าวในวันศุกร์นี้ว่า สามารถจับกุมผู้ต้องหากว่า 100 คน ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับคนต่างด้าวซื้อที่ดินโดยผิดกฎหมาย โดยในจำนวนผู้ต้องหาทั้งหมดมี 67 คน เป็นชาวรัสเซียที่ให้คนไทยเป็นนอมินีถือครองที่ดิน และยังสามารถยึดที่ดินและเงินสดรวมมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านบาทได้ หลังจากขบวนการดังกล่าวมีส่วนทำให้ราคาที่ดินในภูเก็ตพุ่งสูงขึ้น นับตั้งแต่เริ่มมีการสู้รบระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน
ตำรวจเปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามเบาะแสของประชาชนในพื้นที่ โดยเริ่มปฏิบัติการตรวจค้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์เป้าหมายร่วม 100 แห่ง และสามารถระบุรายชื่อผู้ต้องหา ซึ่งเชื่อว่าสมรู้ร่วมคิดในขบวนการกระทำผิดกฎหมายได้ถึง 135 คน
“เริ่มต้นจากชาวภูเก็ตได้ร้องเรียนว่ามีคนรัสเซีย หรือชาวต่างชาติ ทำธุรกิจที่ภูเก็ต แล้วก็มีการกว้านซื้อที่อยู่อาศัย ทำให้ประชาชนชาวภูเก็ตได้รับความเดือดร้อน โดยร้องเรียนผ่านท่านนายกรัฐมนตรี” พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวในการแถลงข่าว
ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการควบคุมตัวผู้ร่วมขบวนการ แต่ได้ออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหาทั้งหมดเดินทางมายังกรุงเทพฯ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อผู้ต้องหา โดยอ้างเหตุผลของความเป็นส่วนตัว และระบุว่า ผู้ต้องหาจะยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาของศาล ซึ่งเรดิโอฟรีเอเชียพยายามขอข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องนี้แต่ได้รับการปฏิเสธ
พ.ต.อ. กริช วรทัต ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผกก.4 บก.ปอศ.) ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการเปิดเผยว่า เครือข่ายนอมินีถือครองที่ดินนี้ มีทั้งชาวรัสเซียและชาวไทยร่วมขบวนการ
“เราตรวจสอบพบเครือข่ายนอมินีรัสเซียรายใหญ่ในภูเก็ต โดยความช่วยเหลือสนับสนุนโดยคนไทยซึ่งเปิดบริษัทบัญชีในพื้นที่ภูเก็ต มีการจดชื่อเป็นกรรมการและหุ้นส่วนร่วมกับชาวต่างชาติถึง 130 บริษัท และเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาโดยไม่ประกอบธุรกิจใด ๆ อีก 141 บริษัท เราดำเนินความผิดฐานนอมินี ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อออกเวิร์กเพอร์มิตให้ชาวต่างชาติ” พ.ต.อ. กริช กล่าว
พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท ด้วยขั้นตอนการขออนุญาตตามกฎหมายที่มีความสลับซับซ้อน ทำให้ชาวต่างชาติที่ต้องการเริ่มธุรกิจของตัวเองรู้สึกเป็นอุปสรรคจากกฎหมายนี้
ในประเทศไทยชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมได้ แต่จะไม่สามารถมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดิน ขณะเดียวกันก็สามารถเป็นหุ้นส่วนในบริษัทร่วมกับคนไทยได้ แต่ไม่สามารถถือหุ้นได้มากกว่า 49 %
พ.ต.อ. กริช ระบุว่า เฉพาะปี 2566 มีบริษัทที่เชื่อมโยงกับชาวรัสเซียกว่า 1.6 พันบริษัท ที่จดทะเบียนในภูเก็ต ขณะที่ 7 ปี ก่อนหน้านั้น มีบริษัทรัสเซียซึ่งจดทะเบียนในภูเก็ตเฉลี่ยเพียงปีละ 30 บริษัทเท่านั้น
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุว่า ราคาที่ดินในจังหวัดภูเก็ตปรับตัวสูงขึ้น 30-40 % ในปีนี้ ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ ทำให้มีการประเมินว่า ในสิ้นปี 2567 การซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมในภูเก็ตจะสามารถทำยอดขายได้ถึง 3.15 หมื่นล้านบาท
“ผลการตรวจค้นพบสิ่งของที่น่าสนใจเป็นสมุดบัญชีธนาคารที่ใช้ในการแจ้งจดบริษัท มียอดเงินหมุนเวียน 300 กว่าล้าน แล้วก็เอกสารการถือครองที่ดินต่าง ๆ ในจังหวัดภูเก็ตรวมมูลค่าแล้ว 1.2 พันล้านบาท” พ.ต.อ. กริช กล่าว
พ.ต.อ. กริช ระบุว่า สามารถตรวจยึดใบอนุญาตทำงานได้ 108 ฉบับ และพบบัญชีธนาคารที่เชื่อว่าใช้สำหรับหลอกลวงนักธุรกิจชาวไทยให้มาร่วมลงทุน ซึ่งเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการระงับบัญชีเหล่านั้นแล้ว
แก๊งรัสเซียยึดภูเก็ต
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เพียงไตรมาสแรกของปี 2567 มีชาวรัสเซียเดินทางมายังประเทศไทยแล้ว 767,210 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.43 % โดยในปี 2566 มีชาวรัสเซียเดินทางมายังประเทศไทยกว่า 1.6 ล้านคน ในนั้นจำนวนหนึ่งมุ่งหน้าสู่ภูเก็ตเพื่อเที่ยวทะเล เล่นกอล์ฟ และใช้บริการสถานบันเทิงยามค่ำคืน
ตำรวจเปิดเผยว่า ปัจจุบัน ชาวรัสเซียเกือบ 6 หมื่นคนเลือกมาอาศัยที่ภูเก็ต เพราะบางย่านของภูเก็ตให้ความรู้สึกคล้ายทะเลดำ ซึ่งมีรีสอร์ทที่เหมาะกับการอาบแดด ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยป้ายโฆษณาร้านอาหาร บาร์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจท่องเที่ยวภาษารัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ในมุมของคนไทยบางส่วนซึ่งเป็นเจ้าถิ่นก็รู้สึกไม่พอใจที่คนรัสเซียเริ่มเข้ามาแย่งโอกาสและอาชีพ เข้ามาทำงานโดยไม่ได้ขอใบอนุญาตทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
นายชัย (สงวนนามสกุล) ชาวภูเก็ต เปิดเผยว่า เขารู้สึกพอใจกับปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้
“พวกคนรัสเซียเขาทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของประเทศ กว้านซื้อที่ดินจำนวนมาก ทำให้ราคาที่ดินขึ้น แล้วพวกคนรัสเซียบางคนก็สร้างปัญหาให้สังคม รัฐบาลควรจัดการธุรกิจผิดกฎหมายของคนรัสเซียให้สิ้นซาก” นายชัย กล่าวกับวิทยุเอเชียเสรี
ขณะเดียวกัน นายเมธาพงศ์ อุปัติศฤงค์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต (P-REA) ก็กังวลว่า การจับกุมครั้งนี้อาจสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากชาวรัสเซียถือเป็นหนึ่งในชาติที่ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดในภูเก็ตตลอดช่วงปีที่ผ่านมา นำหน้าชาวจีน และชาวฝรั่งเศส
“ความจริงสมาคมของเราเรียกร้องให้รัฐบาลสืบสวนการทำผิดกฎหมายเหล่านี้ เพราะมันจะทำให้ราคาที่ดินจะสูงขึ้น รวมทั้งมีนักธุรกิจสีเทา ๆ เข้ามา แต่เราก็หวังว่า การปราบปรามของเจ้าหน้าที่จะไม่กระทบหรือชะลอการลงทุนของต่างชาติเช่นกัน” นายเมธาพงศ์ กล่าว
นายเมธาพงศ์ ให้ข้อมูลว่า เศรษฐีชาวรัสเซียบางส่วนลงทุนในตลาดไฮเอนด์ ด้วยการซื้อคฤหาสน์ระดับราคาตั้งแต่ 25 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งทำให้เศรษฐีเหล่านี้สามารถขอวีซ่าระยะยาวถึง 20 ปีได้ ผ่านโครงการ Thailand Elite Visa ซึ่งนับเป็นอภิสิทธิ์สำหรับเศรษฐีชาวต่างชาติ
ก่อนการระบาดของโควิด-19 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเป็นประวัติการณ์ถึง 40 ล้านคนต่อปี และในนั้นมากกว่าหนึ่งในสี่เป็นนักท่องเที่ยวจีน แม้ในปี 2566 ภาคธุรกิจท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นตัว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 28 ล้านคน ที่เดินทางมายังประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวดังกล่าวยังนับว่าต่ำกว่าที่คาดหมาย เพราะชาวจีนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดของไทย ยังไม่ได้กลับมาเที่ยวเป็นปกติ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบมาตรการการยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA) ให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติรัสเซีย ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566-30 เมษายน 2567 ก่อนที่ภายหลังจะขยายโครงการไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2567