บุญทรง ติดคุกคดีขายข้าวจีทูจี เพิ่ม 6 ปี

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2019.09.06
กรุงเทพ
190906-TH-rice-boonsong-1000.jpg นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ซ้ายมือ) กำลังรอนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีทุจริตจำนำข้าว วันที่ 25 กันยายน 2560
เบนาร์นิวส์

ในวันศุกร์นี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำวินิจฉัยชั้นอุทธรณ์ คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยให้เพิ่มโทษจำคุกนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อีก 6 ปี รวมเป็นจำคุก 48 ปี และให้จำคุก-ปรับ กลุ่มโรงสี 6 ราย แต่รอลงอาญา 3 ปี แทนการการยกฟ้องในการวินิจฉัยชั้นต้น

การพิจารณาอุทธรณ์วันศุกร์นี้ ฝ่ายจำเลยได้เดินทางมาถึงศาลในช่วงเช้า ในศาลมีองค์คณะผู้พิพากษา 9 คน ใช้เวลาอ่านคำพิพากษา 7 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ถึงเวลา 19.00 น. โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปร่วมฟังในห้องพิจารณา

“ศาลวินิจฉัยว่า ผู้ร้องเป็นผู้เสียหาย จำเลยที่ร่วมกันกระทำผิดย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย ที่จำเลยแก้อุทธรณ์ว่า ผู้ร้องมีส่วนร่วมในการทำผิดนั้นศาลเห็นว่า กระทรวงและกรมในราชการจัดตั้งขึ้นเพื่อบริหารราชการแผ่นดินและประโยชน์สาธารณะ เป็นนิติบุคคลในทางมหาชน เมื่อมิได้ออกคำสั่งเพื่อกำหนดนโยบายระบายข้าวผิดพลาดจึงไม่ได้เป็นผู้ร่วมกระทำความผิด” ตอนหนึ่งของคำพิพากษาระบุ

“องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกจำเลยที่ 2 เพิ่มขึ้นอีกกระทงหนึ่งเป็นเวลา 6 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 48 ปี” คำพิพากษาแก้ส่วนของนายบุญทรงระบุ

ทั้งนี้ จากเดิมที่รอลงอาญาจำเลยบางราย ศาลพิพากษาแก้ ให้ลงโทษกลุ่มบริษัทโรงสี คือ ได้แก่ นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท จำเลยที่ 26 และนางประพิศ มานะธัญญา กรรมการบริษัท เจียเม้ง จำกัด จำเลยที่ 28 คนละ 4 ปี พร้อมปรับคนละ 25,000 บาทนายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 23 ให้จำคุก 8 ปี และปรับ 50,000 บาท

ปรับนิติบุคคล คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร จำเลยที่ 22, บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด โดยนายทวี อาจสมรรถ กรรมการ จำเลยที่ 24, บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด จำเลยที่ 25 และบริษัท เจียเม้ง จำกัด จำเลยที่ 27 อีกรายละ 25,000 บาท แต่โทษของกลุ่มโรงสี จำเลยที่ 23, 26, 28 นั้นให้รอลงอาญาไว้คนละ 3 ปี แต่กลุ่มโรงสีจำเลยที่ 22-23 และ 25-28 ให้ร่วมกันชดใช้เงินให้กับกระทรวงการคลังรวม 97 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 เปอร์เซ็นต์ นับจากวันพิพากษา

นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ บุตรชายของนายบุญทรง กล่าวภายหลังฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาว่า นายบุญทรงรู้สึกตกใจกับผลคำตัดสิน ขณะที่สุขภาพยังมีปัญหาเตรียมเข้ารับการผ่าตัด

“ก็ค่อนข้างช็อค แต่ก็ต้องยอมรับในคำตัดสินของศาลสุดท้ายแล้ว เราได้โอกาสที่สองในการพิสูจน์ตัวเองก็เป็นเรื่องดีมากแล้ว คำตัดสินของศาลออกมาเป็นแบบนี้ก็ต้องยอมรับ... หลังผลคำพิพาษาก็เดินมาบอกว่า ลูกต้องเข้มแข็งนะ” นายเดชนัฐวิทย์ กล่าว

ด้าน นายนรินทร์ สมนึก ทนายความของนายบุญทรง ได้เปิดเผยแก่สื่อมวลชนก่อนเข้าฟังคำพิพากษาระบุว่า จำเลยทุกคนได้ยื่นอุทธรณ์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 พร้อมแสดงหลักฐานทั้งใหม่และเก่า โดยจำเลยทุกคนหวังว่าจะได้รับความเมตตาจากศาล ขณะที่อัยการสูงสุดขออุทธรณ์เพิ่มโทษผู้ต้องหาบางรายเช่นกัน

“ได้พบคุณบุญทรง เมื่อ 2-3 วันก่อน มีอาการเครียด เพราะการอุทธรณ์ครั้งนี้ถือว่า เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่จะได้ต่อสู้คดีจีทูจีล๊อตแรก” นายนรินทร์ กล่าว

คำพิพากษาชั้นต้น

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษา คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) ซึ่งอัยการสูงสุด และกรมการค้าต่างประเทศเป็นโจทก์ร่วมฟ้อง นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นจำเลยที่ 1 นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชน รวม 28 ราย โดยคดีนี้เป็นส่วนหนึ่งจากนโยบายจำนำข้าวในรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งไม่ยอมมาฟังคำตัดสินในคดีทุจริตจำนำข้าว ที่กำหนดให้มีขึ้นในวันเดียวกันนั้น และได้ออกนอกประเทศจนถึงทุกวันนี้

โดยศาลพิพากษาว่า นายภูมิ และนายบุญทรง กระทำผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 มีความผิด 2 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 18 ปี รวมจำคุก 36 ปีเท่ากัน แต่เฉพาะ นายบุญทรงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 เจ้าพนักงานใช้อำนาจตำแหน่งโดยทุจริต ตัดสินให้จำคุก 6 ปี จึงได้รับโทษจำคุกรวม 42 ปี

ขณะที่นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศจำเลยที่ 4 จำคุก 40 ปี นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศจำเลยที่ 5 จำคุก 32 ปี นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศจำเลยที่ 6 จำคุก 24 ปี นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง นักธุรกิจค้าข้าว จำคุก 48 ปี และจำเลยอื่น จำคุกลดหลั่นตามพฤติการณ์ ยกฟ้องจำเลยที่ 19 และจำเลยที่ 22-28 เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะบ่งชี้ว่าร่วมกระทำความผิด

โดยศาลสั่งให้บริษัทสยามอินดิก้า จำเลยที่ 10 และนายอภิชาติ จำเลยที่ 14 และนายนิมล รักดี จำเลยที่ 15 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กระทรวงการคลัง 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี จำเลยอื่นให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามส่วนเช่นเดียวกัน หลังจากจำเลยทั้งหมดที่ถูกตัดสินโทษถูกพาไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และไม่อนุญาตให้ประกัน

ซึ่งในการพิพากษาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 นั้น สรุปว่า ศาลตัดสินว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง 17 ราย ให้ลงโทษจำคุก และสั่งจ่ายค่าชดเชย ยกฟ้องโจทก์ 8 ราย จำเลยหลบหนี 2 ราย  และจำเลยไม่มาฟังคำพิพากษาโดยอ้างว่าป่วย 1 ราย

ในส่วนนายภูมิ และนายบุญทรง นั้น ในเวลาต่อมา โจทก์ได้อุทธรณ์ขอให้ศาลเพิ่มโทษจำเลย ส่วนฝ่ายจำเลยร้องแก้อุทธรณ์ว่า ผู้ร้อง คือ กรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้ร่วมกระทำความผิด

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง