แรงงานไทยในมาเลเซีย ยังค้างในมาเลเซียกว่าหลายพันคน

มาตาฮารี อิสมาแอ และมารียัม อัฮหมัด
2020.04.20
นราธิวาส และปัตตานี
200420-TH-deepsouth-border-1000.jpg เจ้าหน้าที่สังกัด ฉก.ทพ.48 ควบคุมตัวชายไทยที่เดินทางข้ามแม่น้ำโก-ลก เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตรงบริเวณบ้านบือเร็ง ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส วันที่ 20 เมษายน 2563
เบนาร์นิวส์

แรงงานไทยในประเทศมาเลเซีย ยังคงค้างอยู่ในมาเลเซียหลายพันคน หลังจากทางการไทยเปิดด่านแนวชายแดนให้เดินทางกลับบ้านได้เป็นวันที่สามในวันจันทร์นี้ อย่างไรก็ตาม มีแรงงานกว่า 700 คน เลือกเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติแทน เพราะไม่ต้องการความยุ่งยากในการขอใบรับรองแพทย์ก่อนเดินทาง และการต้องรอโควต้ารายวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยอนุญาตให้กลับเข้าประเทศเพียงวันละ 350 คน เท่านั้น

ทั้งนี้ หลังจากทางการมาเลเซียได้ล็อคดาวน์ประเทศ และปิดจุดผ่านแดนติดพรมแดนประเทศไทย เพื่อลดการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อเที่ยงคืนวันที่ 17 มีนาคม เป็นต้นมา ได้ส่งผลกระทบต่อแรงงานไทยจำนวนนับแสนคน ที่เดินทางข้ามแดนไปทำงานในมาเลเซีย ทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย เพราะเจ้าของธุรกิจมีรายได้ลดลงหรือต้องหยุดกิจการ

สำหรับทางการไทย ได้เปิดชายแดนรับแรงงานกลับบ้าน อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 18 เม.ย. เป็นต้นมา โดยเปิดด่านพรมแดนทางบก 5 ด่าน ได้แก่ ด่านสุไหงโกลก จ.นราธิวาส, ด่านเบตง จ.ยะลา, ด่านสะเดา จ.สงขลา, ด่านตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล และด่านวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล โดยรัฐบาลอนุญาตให้คนไทยเดินทางผ่านแดนได้ทั้ง 5 ด่าน 350 คนต่อวัน โดยกำหนดให้ต้องลงทะเบียนกับทางสถานทูตไทยในมาเลเซีย เพื่อขอหนังสือรับรอง รวมทั้งขอใบรับรองสุขภาพ (Fit-to-Travel) จากแพทย์ในมาเลเซีย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า มีแรงงานชาวไทยเดินทางกลับผ่านทางด่าน 5 แห่ง ประมาณ 600 คน ในห้วงเวลาสามวันนี้ ในขณะที่ทหารที่ตรวจตราชายแดนกล่าวว่า มีผู้เข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติอย่างน้อย 716 ราย ในห้วงเวลาสามวันนี้

“วันนี้ มีแรงงานและคนไทยที่ขึ้นทะเบียนกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์เดินทางกลับ 106 ราย หกราย มีไข้สูง สาธารณสุขเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง ส่งตรวจห้องปฏิบัติการ ที่เหลืออยู่ระหว่างแยกส่งกักตัวตามภูมิลำเนา” พันตำรวจโท วีรวัฒน์ นิลวัตร รองผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

เจ้าหน้าที่ทหารที่ตรวจสอบแนวชายแดน กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ โดยขอสงวนนาม เพราะไม่มีอำนาจให้ข่าวว่า ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีคนไทยที่ไม่ได้ขออนุญาตเดินทางเข้าประเทศถูกจับปรับ จำนวน 294 คน เมื่อรวมกับวันอาทิตย์ที่ 19 เม.ย. อีก 300 คน และในวันนี้ 122 คน รวมสามวัน มีคนไทยข้ามแดนผิดกฎหมายและถูกจับปรับแล้วถึง 716 คน

“แรงงานบางส่วนลักลอบเดินทางข้ามพรมแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ ไม่ต้องเดินทางขอเอกสารและไปต่อคิวลงทะเบียนที่สถานทูต และหากถูกจับกุมก็จะโดนปรับแค่ 800 บาท ซึ่งถูกกว่าการเดินทางไปลงทะเบียนที่สถานทูตในมาเลเซีย และจ่ายค่าใบรับรองแพทย์ เมื่อถูกจับกุมแล้วก็เข้ากระบวนการกักตัวเหมือนกัน” เจ้าหน้าที่รายเดียวกันกล่าวแก่เบนาร์นิวส์

“หากเขาเล็ดลอดเข้ามาได้โดยไม่ถูกจับ ก็จะไม่ต้องเข้ากระบวนการกักกันตัว แต่ก็อาจจะนำเชื้อโรคไประบาดในชุมชนของตนเองได้” เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวระบุถึงเหตุผลที่ต้องยอมให้แรงงานกลุ่มนี้เข้ามาตามช่องทางที่ไม่ถูกกฎหมาย

นายอดุลย์ แวมะ ผู้จัดการ บริษัท ยัสกินเทรแวล แอนด์ทัวร์ (ประเทศไทย) จำกัด และผู้ที่คลุกคลีกับชมรมต้มยำในมาเลเซียกว่า 30 ปี เสนอทางออกในการช่วยเหลือคนไทยในมาเลเซียว่า ปัญหาที่ต้นเหตุ คือ คนเหล่านี้อยู่กระจัดกระจายทั่วมาเลเซีย มีหลายคนที่ไม่สามารถติดต่อได้ทางโทรศัพท์ ไม่สามารถออกมาติดต่อได้ ออกจากที่พักมารายงานตัวไม่ได้

“มีเงื่อนไขต้องไปรับใบรับรองแพทย์ ซึ่งเป็นไปได้ยาก เพราะออกจากบ้านไม่ได้ มีบางคนไม่มีพาสปอร์ตเลยไม่กล้ามาแสดงตัว ผมว่าไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองแพทย์ ให้มา ออกถึงเมืองไทยก็เข้าในที่กักตัว 14 วัน” นายอดุลย์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

อย่างไรก็ตาม นายแพทย์กิ๊ฟลัน ดอเลาะ นายกสมาคมจันทร์เสี้ยวการแพทย์และสาธารณสุข กล่าวว่า ยังมีความสับสนในเรื่องจำนวนของแรงงานที่ยังตกค้างอยู่

“ข้อมูลคนไทยที่ไปใช้แรงงานในประเทศมาเลเซียนั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ชัดเจนและไม่ตรงกัน บางหน่วยงานบอกว่า 1 แสน ถึง 1 แสน 2 หมื่นคน หลังสถานการณ์โควิด-19 และการปิดประเทศปิดพรมแดนที่เราสามารถประสานให้คนไทยเดินทางมาได้ ตัวเลขยังไม่ถึง 5 หมื่นคน จะคงเหลือคนไทยเท่าไร ที่อยู่ในมาเลเซีย ยังไม่กลับไทยเท่าไร คงมีอีกเยอะ และบางคนก็มีความประสงค์ไม่กลับมาก็มีไม่น้อย” นายแพทย์กิ๊ฟลัน กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เปิดเผยว่า “สถานการณ์การติดเชื้อโรคโคโรนา 2019 ในวันนี้ มีข่าวดีมีผู้ที่หายป่วยแล้วเพิ่มขึ้น 71 คน รวมแล้วหายป่วย 1,999 ราย เชื่อว่าจะหายป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นผู้ป่วยยืนยันสะสมตอนนี้ 2,792 ราย ใหม่ขึ้นมาในวันนี้ 27 ราย เสียชีวิตวันนี้ ไม่มีเพิ่มเติม ยังคงไว้อยู่ที่ 47 ราย”

ปัจจุบัน ได้มีการตรวจเชื้อไปแล้ว 142,589 ตัวอย่างไปแล้ว โดยระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2563 ตรวจไป 21,715 ตัวอย่าง

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง