เจ้าหน้าที่ยังระบุไม่ได้ว่า ใครยิง 4 ชีวิตที่ชายแดนใต้เมื่อสุดสัปดาห์
2020.05.04
ปัตตานี

พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองทัพภาคที่ 4 เผยเปิดในวันจันทร์นี้ว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน ในพื้นที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เมื่อคืนวันอาทิตย์ และยิงชาวบ้านในพื้นที่อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อคืนวันเสาร์ เป็นกลุ่มใด ขณะที่เพจเฟซบุ๊กของกลุ่มผู้สนับสนุนบีอาร์เอ็นได้ประณามรัฐ หลังจากที่ได้วิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องหามีหมายจับคดีความมั่นคงเสียชีวิต 3 ราย เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว
ทั้งนี้ ซึ่งเมื่อวันที่ 3 เมษายน นี้ เพจเฟซบุ๊กของผู้สนับสนุนขบวนการบีอาร์เอ็น ได้ออกประกาศว่า จะยุติการปฏิบัติการณ์ทุกรูปแบบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนให้ทุกคนปลอดภัยจากการคุกคามของภัยโควิด-19 แต่ต่อมาเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ในปัตตานีได้ปิดล้อมบุคคลต้องสงสัยที่มาหลบซ่อน ในพื้นที่บ้านปะการือสง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี และมีการยิงปะทะกันจนคนร้ายเสียชีวิตสามราย
“ยังไม่สามารถระบุได้ ต้องตรวจสอบรายละเอียดและข้อมูลเชิงลึกก่อน" พล.ต.ปราโมทย์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ เหตุการณ์ความรุนแรงในระลอกนี้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2563 เวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ ได้รับแจ้งหตุคนร้าย ยิงชาวบ้าน 2 ราย บนถนนสายบลูกา-บ้านสโลว์ ช่วงภายในหมู่บ้าน ม.1 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้ นายซัมรี วาโซะ อายุ 24 ปี และนายมูฮัมหมัดตากิพ ยาลาโย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนทราบว่า เหตุเกิดขณะที่ผู้ตายกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางกลับบ้านพัก ระหว่างทางได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงใส่ ก่อนหลบหนีได้ ส่วนประเด็นและสาเหตุเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนและสืบสวน
เหตุที่สองเกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.40 น. ของวันอาทิตย์ โดย พ.ต.อ.มานะ เดชาวริษฎ์ ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ อส.ทพ. ฉก.ทพ.44 เสียชีวิต จำนวน 2 นาย บนถนนรอยต่อบ้านฮูแตกอแล หมู่ที่ 3 กับบ้านบาโงมูลง หมู่ที่ 6 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ผู้เสียชีวิต คือ อส.ทพ.พงศ์ชัย หงษ์ทอง สังกัด ร้อย.ทพ.4411 ฉก.ทพ.44 เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และ อส.ทพ.สิทธิชัย ภักดีพันธ์ สังกัด ร้อย.ทพ.4405 ฉก.ทพ.44 อายุ 28 ปี ถูกยิงเข้าแขนขวาและหน้าอกขวา ใส่สายระบายลมในช่องอก ถูกนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนทราบว่า เหตุเกิดขณะที่ ร้อย.ทพ.4405 และ ร้อย.ทพ.4411 จัดกำลังพลไปสนับสนุนร่วมการตั้งด่านตรวจคัดกรองโควิด-19 ที่บริเวณสะพานฆอตอ กำลังพลทั้งสองนาย ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบริเวณที่ตั้งด่านตรวจฯ เพื่อไปซื้อของในหมู่บ้าน เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ คนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่ ทำให้เสียชีวิตดังกล่าว
“เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ของกลุ่มขบวนการ ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ตอบโต้ให้กับสมาชิกกลุ่มที่เสียชีวิตจากการบังคับใช้กฏหมายของเจ้าหน้าที่” พ.ต.อ.มานะ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
เพจบีอาร์เอ็น ย้ำยังทำตามสัญญาหยุดยิง
เมื่อวานนี้ เพจเฟซบุ๊ก BRN Barisan Revolusi National ได้โพสข้อความว่า BRN ยังคงยึดมั่นในคำสัญญาที่ให้ไว้ต่อประชาชนและประชาคมโลก และแฮชแท๊กว่า แม้กองกำลังสยามไทยและสื่อทั้งหลายพยายามยั่วยุ ขอให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องด้านมนุษยธรรม จงทำหน้าที่ของท่านอย่างเต็มความสามารถ เรายังคงเกาะติดพื้นที่และช่วยเหลือท่านอยู่เบื้องหลัง
นอกจากนั้น ยังได้ประณามรัฐบาลไทย ที่ลงมือปฏิบัติการเมื่อวันพฤหัสที่แล้ว
“บีอาร์เอ็น ประณามการลงมือที่รุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย ที่ไม่เคารพต่อความลำบากของประชาชนปาตานีในช่วงการระบาดโควิด-19 นั่นได้แสดงให้เห็นว่าข้าราชการไทยไม่ให้ความใส่ใจต่อมนุษยธรรมที่เป็นสิ่งจำเป็นต่อชาวปาตานี... เราขอเรียกร้องอีกครั้งให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันโควิด ซึ่งไม่ใช่ภาวะสงครามในขณะนี้” ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์กล่าว
ทางด้าน ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ กล่าวว่า รัฐบาลหรือฝ่ายทหารไทยเป็นฝ่ายเริ่มทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงก่อน
“รัฐหรือทหารเริ่มก่อน จะเห็นว่าฝ่ายทหารเองก็ไม่สนใจ ทำเหมือนที่เคยทำ เป็นเหมือนที่เคยเป็น มีการติดตามจับกุมวิสามัญ ไม่ได้สนใจในคำพูดคำแถลงของ BRN ก็ถือว่าในช่วงพิเศษที่มีการระบาดของโควิด รัฐก็ยังไม่ให้ความสำคัญ อ้างว่าเป็นการบังคับใช้กฏหมายซึ่งตามความเป็นจริงก็คือการปฏิบัติการทางทหาร เป็นยุทธวิธีทางทหาร” ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
“เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มบีอาร์เอ็น เพราะเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ ไปวิสามัญฆาตกรรมที่หนองจิก เป็นการปฏิบัติการตอบโต้โดยพุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ติดอาวุธ จึงเห็นได้ว่าพื้นที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทั้งที่บีอาร์เอ็น มีแถลงการณ์ก่อนว่าจะหยุดปฏิบัติการทางทหารในช่วงโควิด การแสดงเจตนาตรงนั้นที่ว่าจะไม่มีการปฏิบัติการอะไรมาก และเหตุการณ์ก็เงียบสงบในช่วงหลังที่ผ่านมา” ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าวเพิ่มเติม