ทหารไทยควบคุมตัวกลุ่มเคลื่อนไหวให้สอบสวนอุทยานราชภักดิ์ไปปรับทัศนคติก่อนปล่อยกลับ

ในวันจันทร์ (7 ธ.ค. 2558) นี้ ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (New Democracy Movement - NDM) ได้กล่าวทางสื่อออนไลน์ว่า กลุ่มนักศึกษาที่ถูกทางทหารควบคุมตัวไม่ให้เดินทางไปจัดกิจกรรมที่อุทยานราชภักดิ์ ที่อำเภอหัวหิน ได้ถูกนำตัวไปปรับทัศนคติที่สถานที่แห่งหนึ่ง ในจังหวัดราชบุรี ตามโครงการรักลูกให้ถูกธรรม รุ่นที่ 7

ทางทหารได้กล่าวว่า มีผู้ถูกควบคุมตัว 38 ราย ในตอนเช้า และขบวนการประชาธิปไตยใหม่ กล่าวว่า ในตอนค่ำทุกคนได้รับการปล่อยตัวจนหมดทุกคน

โดยในตอนเช้าของวันจันทร์นี้ ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ได้นำประชาชนและนักศึกษา เดินทางโดยรถไฟเพื่อไปแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อรายงานข่าวที่ว่ามีการคอร์รัปชั่นในโครงการสร้างอุทยานราชภักดิ์ ในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ได้ถูกควบคุมตัวที่สถานีรถไฟบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

“ปรากฏว่าในขณะที่ขบวนรถไฟที่จัดกิจกรรมได้เดินทางมาถึงสถานีรถไฟบ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อเวลาประมาณ 9.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารได้ตัดตู้รถไฟและปิดล้อมไว้เพื่อไม่ให้เดินทางต่อไปยังอุทยานราชภักดิ์ รวมถึงเข้าจับกุมประชาชนผู้จัดและผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดไว้” กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ กล่าวในข่าวสารประชาสัมพันธ์ทางเฟซบุ๊ค กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (Liberal League of Thammasat for Democracy - LLTD)

อย่างไรก็ตาม ตามรายงานข่าวท้องถิ่น ในระหว่างที่มีการเข้าควบคุมโบกี้รถไฟนั้น มีชาวบ้านผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดกิจกรรมดังกล่าวออกมาแสดงการต่อต้านการกระทำของกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ และมีการตะโกนต่อว่ากัน

พ.อ. วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ โฆษกกองทัพบก กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในวันนี้ว่า “ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ ที่สำคัญ เจ้าหน้าที่เป็นห่วงว่า หากปล่อยให้ไปถึง อาจมีภาพของความขัดแย้งกับประชาชนในพื้นที่ เพราะมีการข่าวแจ้งเตือนมาว่า มีประชาชนในพื้นที่บางส่วนไม่พอใจ”

อุทยานราชภักดิ์ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อถวายความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และเพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม โดยมีการเริ่มโครงการมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 ถึงเดือนสิงหาคม 2558 มีพื้นที่ทั้งสิ้น 222 ไร่เศษ

โครงการดังกล่าวได้กลายมาเป็นข่าวใหญ่ ในช่วงวันที่ 18 ตุลาคม เมื่อตัวแทนกองทัพบก ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ปรึกษาและคนสนิทของหมอหยอง  และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ "สารวัตรเอี๊ยด" ว่าได้อาศัยช่องทางในการหาผลประโยชน์ส่วนตัวโดยการอ้างถึงสถาบันเบื้องสูง และถูกจับกุมตัวในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือ มาตรา 112 ซึ่งหมอหยอง และสารวัตรเอี๊ยดได้เสียชีวิต ในระหว่างการควบคุมตัวในสถานที่เรือนจำพิเศษที่ มทบ. 11 ในไม่นาน หลังจากถูกจับกุม

จากนั้น ได้มีการขยายการสอบสวน และออกหมายจับนายทหารและตำรวจระดับสูงรายสำคัญอีกสองครั้งได้แก่ ได้แก่ นายคชาชาต บุญดี อดีตนายทหารกองทัพภาคที่ 3 (ถูกถอดยศ) ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ถูกกล่าวหาว่าร่วมกับกลุ่มหมอหยองหาผลประโยชน์จากโครงการราชภักดิ์ เช่น โครงการจัดซื้อจัดจ้าง ในโครงการไบค์ฟอร์ราชภักดิ์ รวมทั้ง การเรียกผลประโยชน์จากบริษัทห้างร้าน

ถัดมาในวันที่ 25 พฤศจิกายน ศาลทหารได้อนุมัติหมายจับ พล.ต. สุชาติ พรหมใหม่ อดีตอัตราประจำกองทัพบก พ.ต.อ. ไพโรจน์ โรจนขจร อดีต ผกก. 2 กองกำกับการปราบปราม และ พ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัณเลขา อดีตรอง ผกก. 2 กองกำกับการปราบปราม เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ในข้อหาเดียวกัน โดยในรายละเอียดมีข้อกล่าวหาถึงการกินหัวคิวการก่อสร้าง การจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้ง ค่าหล่อรูปเหมือนองค์พระมหากษัตริย์

ในวันที่ 10 พ.ย. พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการทุจริตการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ นี้ว่า การดำเนินการเป็นไปอย่างโปร่งใส โดยในส่วนมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ มีรูปแบบการทำงานเป็นคณะกรรมการ โดยมีผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธานอำนวยการโดยตำแหน่ง ส่วนการเงินจะมีเจ้ากรมการเงินทหารบกรับผิดชอบ ซึ่งมีหลักฐาน และรายละเอียดชัดเจน สามารถตรวจสอบและชี้แจงได้

ในเรื่องดังกล่าว ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของกรรมการสอบสวนของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม และกรรมการนอกกองทัพ เช่น ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) และ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หลังจากที่คณะกรรมการสอบสวนของกองทัพบกเอง ได้มีมติว่าไม่มีความผิดปกติไปก่อนหน้านี้