ศาลทหารรับฟ้องสองผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลพระพรหมและท่าเรือสาทร

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2015.11.24
TH-ErawanBomb-900 ไมไรลี ยูซูฟู หนึ่งในผู้ต้องหารายสำคัญชาวต่างชาติ ในเหตุระเบิดศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณวันที่ 17 สิงหาคม ขณะทำแผนประกอบคำรับสารภาพในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2558
เอเอฟพี

ในวันอังคาร (24 พ.ย. 2558) นี้ ศาลทหาร ได้รับฟ้องผู้ต้องหาก่อเหตุระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร คือ นายอาเดม คาราดัก และนายไมไรลี ยูซุฟู และศาลจะนัดจำเลยทั้งสองอีกครั้ง ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 ในเวลา 08.30 น.

จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายอาเดม คาราดัก (นายไบลาล มูฮัมหมัด) ที่ถูกระบุว่าเป็นชายเสื้อเหลืองในภาพวงจรปิดที่ศาลพระพรหมในคืนเกิดเหตุ และนายไมไรลี ยูซุฟู กลับไปควบคุมตัวต่อ ที่เรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี มณฑลทหารบกที่ 11

นายชูชาติ กันภัย ทนายความส่วนตัวของ นายอาเดม คาราดัก เปิดเผยว่า อัยการได้พิจารณาสั่งฟ้องนายอาเดม จำเลยที่ 1 และ นายไมไรลี่ จำเลยที่ 2 ใน 10 ข้อหา ประกอบด้วย 1. ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่ออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง และใช้วัตถุระเบิดในการกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น 2. ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง โดยไม่มีเหตุสมควร 3. ร่วมกันพยายามกระทำให้เกิดระเบิด 4. ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 5. ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส ได้รับอันตรายแก่ร่างกายและทรัพย์ของผู้อื่น 6. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 7. ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ 8. ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง 9. ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 10. เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต

“ในวันนี้ ยังไม่มีการสอบคำให้การจำเลย มีเพียงการแต่งตั้งล่ามเท่านั้น โดยอัยการเสนอแต่งตั้ง พันตำรวจโท ทวยเทพ เดวิด วิบุลศิลป์ สารวัตรกิจการฝ่ายต่างประเทศ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เป็นล่ามของจำเลยทั้งสอง แต่เนื่องจากจำเลยที่ 1 ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี จึงยังติดขัดเรื่องล่ามในการแปลภาษา” นายชูชาติกล่าว

นายชูชาติยังกล่าวเพิ่มเติมว่า และต้องการให้แต่งตั้ง นายบัคคา ดีร็อก ซีโรจีดีน ชาวอุซเบกิสถานเป็นล่าม แต่อัยการคัดค้าน ขอให้ตรวจสอบประวัติล่ามก่อน ในฐานะทนายของจำเลยที่ 1 จะยื่นประวัติของล่ามคนดังกล่าวต่อศาลทหารภายใน 15 วัน นับแต่วันนี้

นอกจากถูกฟ้องในคดีข้างต้นสิบคดีแล้ว นายชูชาติกล่าว อาจจะมีการฟ้องร้องในคดีปลอมแปลงหนังสือเดินทางต่อศาลพลเรือนด้วย

“ขณะที่การสั่งฟ้องครั้งนี้อยู่ในอำนาจศาลทหารทั้งหมด และยังไม่มีการสั่งฟ้องในข้อหาปลอมแปลงหนังสือเดินทาง ซึ่งคาดว่าข้อหาดังกล่าวอยู่ในอำนาจศาลพลเรือน” นายชูชาติกล่าวเพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ออกหมายจับบุคคลต่างด้าว และคนไทยรวมทั้งสิ้น 22 ราย ฐานร่วมกันก่อเหตุระเบิดในสองพื้นที่ เมื่อวันที่ 17 และ 18 สิงหาคม ศกนี้ ตามลำดับ

เมื่อวันที่ 28 กันยายน ในการแถลงข่าวสรุปคดีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ได้กล่าวว่า “มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่ามาจากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไปทำลายหรือไปจับกุมขบวนการ หรือ เครือข่ายการค้ามนุษย์”

พล.ต.อ. สมยศ กล่าวเพิ่มเติม “แต่เรายังเชื่อมั่นว่ายังมีกลุ่มบุคคลหรือบุคคลที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้หรือการก่อเหตุในครั้งนี้ เป็นผู้จ้างวาน หรือใช้สอย อย่างที่ผมเคยพูดอยู่ตลอดว่า มีบุคคลหลายคน หลายกลุ่ม ที่มีวัตถุประสงค์ มีความต้องการหรือมีจุดประสงค์เดียวกัน ได้ร่วมกันทำให้ทุกฝ่ายสมประสงค์ แต่ผู้จ้างวานเป็นใครนั้น พนักงานสอบสวนต้องขยายผลต่อไป”

ในการแถลงข่าวเดียวกัน พล.ต.ต. ชยพล ฉัตรไชยเดช ผู้กำกับการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ในขณะนั้น ได้อธิบายถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ว่า มีผู้ที่อยู่ในระดับปฏิบัติการรวม 5 คน และมีบุคคลที่ให้การสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ เช่น การเช่าที่พัก การนำเข้าที่พัก การเปิดเบอร์โทรศัพท์มือถือ และการหาอุปกรณ์ในการทำระเบิด เป็นต้น

“พนักงานสอบสวนยืนยันว่า มีกลุ่มบุคคลหรือบุคคลที่ใช้ จ้าง วาน สั่งการ ให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ลงมือกระทำความผิด ประกอบไปด้วยนายอิซาน (อาบูดูซาต้าร์ อบูดูเระห์มาน) นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน นายซูแบร์หรือชายเสื้อฟ้า ซึ่งภายหลังเราทราบชื่อว่าซูแบร์ นายไมไรลี่ ยูซูฟู และสุดท้ายคือ นายไบลาลหรือบิลัล (มูฮัมหมัด) ทั้งหมดนี้เป็นชุดที่เข้ามาดำเนินการปฏิบัติการ ส่วนบุคคลอื่นๆ เป็นผู้สนับสนุน ผู้ร่วมในการกระทำความผิด” พล.ต.ต. ชยพล กล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง