ประชาชนห้าจังหวัดภาคใต้ รับผลกระทบหมอกควันจากไฟไหม้ป่า บนเกาะสุมาตรา

สถานการณ์หมอกควันจากไฟไหม้ป่าบนหมู่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ที่พัดผ่านเข้าไทย และได้ปกคลุมพื้นที่ถึง 5 จังหวัดภาคใต้ของไทยแล้ว โดยภาพรวมนั้น ล่าสุด ในช่วงเช้าที่ผ่านมาหมอกควันปกคลุมพื้นที่เริ่มหนาแน่นกว่าในช่วง 3 ถึง 4 วัน ที่ผ่านมา ถึงแม้ในช่วงค่ำของแต่ละคืน จะมีฝนตกลงมากระจายในบางพื้นที่ก็ตาม ทำให้บรรยากาศบนท้องฟ้ายังคงมีแสงแดดส่อง และมืดครึ้มในบางเวลาบางช่วง เริ่มที่จะส่งกลิ่นเหม็นอบอวนในบางพื้นที่ แต่ไม่มากนัก ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบในหลายจังหวัดภาคใต้ อาทิ สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และ นราธิวาส

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2558 นายสมยศ เลิศลำยอง นายกเทศมนตรีเมืองเบตง และนายวงศ์วิทย์ อัครวโรทัย สาธารณสุขอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ได้นำเจ้าหน้าที่แจกจ่ายหน้ากากอนามัยป้องกันหมอกควันไฟป่า ให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียกว่า 5,000 ชิ้น หลังจากหมอกควันอิโดหนาแน่น มากกว่าทุกวัน ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส

นายวงศ์วิทย์ อัครวโรทัย สาธารณสุขอำเภอเบตง กล่าวว่า “สถานการณ์หมอกควันจากไฟไหม้ป่า บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ยังคงปกคลุมพื้นที่อำเภอเบตงเป็นเวลานานนั้น ส่งผลกระทบกับประชาชนที่สูดดมอากาศหายใจ ทำให้มีผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลเบตงมียอดเพิ่มขึ้นถึง 160 ราย โดยเฉพาะเด็ก และผู้สูงอายุ จึงได้ประสานไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล และเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ให้เตรียมพร้อมหน้ากากอนามัย เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนที่ต้องการ

ด้านนางกัลยา โตะแวอายี ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดยะลา กล่าวว่า “จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคใต้ ในวันที่ 5 ตุลาคม 2558 พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 51-171 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีค่ามากที่สุด 171  ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนรองลงมาคือจังหวัดยะลา 144 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร จากค่ามาตรฐานต้องไม่เกิน 120 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง ถึง มีผลกระทบต่อสุขภาพ ปริมาณฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นกว่าวันก่อนหน้าทุกสถานี

ทั้งนี้กรมควบคุมมลพิษ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการลด และควบคุมการเผาในที่โล่งอย่างเร่งด่วน รวมถึงขอความร่วมมือจากประชาชนงดเผาขยะเศษวัสดุการเกษตรและกิ่งไม้ใบหญ้า เป็นต้น เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้น”

สำหรับ จังหวัดปัตตานีนั้น นายวีรพงค์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า “เป็นห่วงสุขภาพของประชาชน เนื่องจากสถานการณ์ไฟป่าบนเกาะสุมาตรา ประเทศสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา พบว่า คุณภาพอากาศวันที่ 5 ตุลาคม เวลา 09.00 น. มีรายงานค่าสูงขึ้นถึง 121 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน”

นางแอเสาะ มะแอ ชาวบ้าน จ.ปัตตานี กล่าวว่า "เมื่อวานหายใจสะดวกกว่า วันนี้แค่มองระยะทาง 100 เมตร ก็มองไม่ชัดแล้วว่า ข้างหน้ามีอะไรบ้าง หมอกควันหนามาก ตอนนี้หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ"

ทางทีมข่าวได้ใช้พารามอเตอร์บินสำรวจในพื้นที่ อ.สุไหงโกลก พบว่า จะมีกลุ่มหมอกควันแพร่ปกคลุมบรรยากาศบนท้องฟ้า ซึ่งจะเห็นได้เด่นชัดในระยะไกล ที่มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มก้อนเมฆมืดครึ้มและฝนใกล้กำลังจะตก แต่ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในขณะนี้ เหมือนกับจังหวัดสตูล สงขลา ยะลาและปัตตานี ที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน มีค่าเฉลี่ยสูงถึง 121 ถึง 166 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนแล้วในขณะนี้

สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส แจ้งเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยง ป้องกันหมอกควันอินโดฯ สั่งทุกพื้นที่แจกหน้ากากช่วยประชาชน

นายแพทย์สรรพงษ์ ฤทธิรักษา นายแพทย์สาธารณสุข จ.นราธิวาส เปิดเผยแก่เบนาร์นิวส์ ว่า "สืบเนื่องจากสถานการณ์หมอกควันจากไฟป่าบนหมู่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ที่พัดผ่านและปกคลุม 13 อำเภอ ในพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยเฉพาะในช่วงเช้าและค่ำ จะมีหมอกควันปกคุลมค่อนข้างหนา สามารถมองเห็นได้ แต่ยังโชคดี ที่บางพื้นที่ยังมีฝนตกลงมา ทำให้หมอกควันเบาบางลงเล็กน้อย วัดล่าสุดยังคงที่ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน มีค่า 93 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์คุณภาพอากาศปานกลาง ส่งกลิ่นเหม็นควันบ้างในบางครั้ง โดยสถานการณ์หมอกควันในขณะนี้ ยังไม่พบประชาชนคนใด ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล จากสาเหตุหมอกควันดังกล่าว"

อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ บุคลากรโรงพยาบาลทุกแห่ง ประจำตำบล อำเภอ และจังหวัด รวมถึง อาสาสมัครลงพื้นที่ สร้างความเข้าใจให้กับประชาชน และแจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชนฟรี เพื่อป้องกันการสูดดม และหายใจหมอกควันควันเข้าในระบบร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาโรคระบบทางเดินหายใจ คนชรา และเด็ก ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง เพราะต้องเผชิญกับหมอกควัน และ งดการสูบบุหรี่ การเผาขยะ ในช่วงระยะนี้ เพราะจะเพิ่มปริมาณ ละอองฝุ่นหมอกควันในอากาศมากขึ้น ส่วนคนที่เป็นโรคประจำตัว หรือโรคเรื้อรัง ควรพกยาส่วนตัวที่แพทย์สั่งเสมอ อยู่บ้านควรปิดหน้าต่างประตูด้วย เพื่อป้องกันหมอกควัน ซึ่งในช่วงนี้ประชาชนอาจจะมีอาการระคายเคืองตา และคันบริเวณผิวหนังบ้าง จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวสถานการณ์หมอกควันอย่างใกล้ชิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการแก้ไข และ แจ้งข่าวสารให้ประชาชนรับทราบทุกระยะต่อไป