กลุ่มชีพจรแห่งโลกอิสลาม"อัพเดบคลิปคีลาฟะห์" เผยแพร่คลิปไอซิส มีซับไตเติ้ลเป็นภาษาไทย

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2015.12.02
TH-ISIS-1000 ภาพจากวีดีโอคลิปของกลุ่มชีพจรโลกอิสลามที่บรรยายวีดีโอโฆษณาชวนเชื่อของไอซิสเป็นภาษาไทย 2 ธันวาคม 2558
เบนาร์นิวส์

กลุ่มผู้มีแนวคิดชื่นชอบรัฐอิสลามในประเทศไทย ได้เผยแพร่วีดีโอคลิปในการโฆษณาชวนเชื่ออุดมการณ์รัฐอิสลามที่มีซับไตเติ้ลหรือคำบรรยายเป็นภาษาไทยเป็นครั้งแรก ผ่านทางเฟซบุคและยูทิวป์เมื่อเร็วๆ นี้

โดยวีดีโอคลิปที่ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “No Respite” หรือในภาษาไทยว่า “อย่าได้ผ่อนผัน” มีต้นฉบับมาจากผู้ผลิตรายการ Alhayat Media Center ของกลุ่มรัฐอิสลาม ที่เป็นภาษาอาหรับ มีความยาวทั้งสิ้น 4 นาที 13 วินาที ได้มีการเพิ่มคำบรรยายภาษาไทย โดยกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า ทีมงานชีพจรแห่งโลกอิสลาม แปลและเรียบเรียงโดย Millah Ibrahim

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงผู้ไม่ประสงค์จะออกนามท่านหนึ่ง กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ ในวันนี้ว่า “จากการตรวจดูวีดีโอคลิป ต้นฉบับเป็นของกลุ่มไอเอสจริง และ การทำคำบรรยายภาษาไทยนั้น ทำขึ้นโดยทีมงานชีพจรแห่งโลกอิสลาม ที่อยู่ในประเทศไทย เป็นครั้งแรกที่มีการใช้ซับไตเติ้ลภาษาไทย”

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ท่านดังกล่าว กล่าวว่า กลุ่มอุดมการณ์รัฐอิสลามชาวไทยกลุ่มนี้ ได้พยายามเคลื่อนไหวในการเผยแพร่การโฆษณาประชาสัมพันธ์กลุ่มมาหลายเดือนแล้ว แต่ยังไม่ปรากฎ ชัดเจนว่า มีคนไทยมุสลิมเดินทางไปร่วมรบกับ กลุ่มรัฐอิสลามในอิรัค และซีเรีย

“กลุ่มนี้มีการเคลื่อนไหวทางเฟซบุ๊คในชื่ออื่น ๆ มาหลายเดือนแล้ว เคยมีผู้ติดตามนับหมื่นคน ก่อนที่จะเปลี่ยนเฟสบุ๊ค แต่ยังไม่ปรากฏว่ามีคนไทยไปร่วมรบในซีเรียหรืออิรัค เพราะหากมีบ้าง จะต้องมีการเอารูปมาแสดงทางโซเชียลมีเดีย” เจ้าหน้าที่ท่านเดียวกันกล่าว และยังได้บอกว่า ทางการได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ร่วมอุดมการณ์ไอซิสอย่างต่อเนื่อง

ตามรายงานของเวบไซต์ publicpost.net วีดีโอคลิปนี้ ถูกเผยแพร่ทางยูทิวป์ โดยผู้ใช้ชื่อลงทะเบียนว่า Millah Ibrahim ในวันที่ 28 พฤศจิกายน แต่ถูกบล็อกในวันถัดมา และได้มีการอัพโหลดทาง archive.org อีกด้วย

จากนั้น ผู้ใช้เฟซบุ๊คที่ชื่อว่า ชีพจรแห่งโลกอิสลาม "อัพเดบคลิปคีลาฟะห์" ได้นำวีดีโอคลิปดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อหากล่าวถึง ประวัติของกลุ่มรัฐอิสลาม และการทำสงครามจีฮัดต่อประเทศสหรัฐอเมริกาและชาติอื่นๆ มาเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ค เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน นี้ อีกด้วย

“พวกเรา คือ เหล่าชายชาตรี ที่มีเกียรติด้วยอัลอิสอิสลาม พวกเราไต่เต้าสู่ยอดของมัน และตอบรับความเชิญชวน เพื่อร่วมกันเป็นหนึ่งภายใต้ธงผืนเดียว และนี่แหละ คือ แหล่งที่มาของชัยชนะของพวกเรา” คำบรรยายที่ตัดตอนมาจากวิดีโอ ซึ่งแสดงให้เห็นภาพของผู้นำโลก รวมทั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบามา และ ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เช่นเดียวกับ ภาพของกองกำลังตะวันตก ในตะวันออกกลาง

ไอเอสในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์

ในประเทศไทย ประชาชนนับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ ผู้นับถือศาสนาอิสลาม เป็นจำนวนน้อยกว่ามาก แต่ประชาชนส่วนใหญ่ที่อาศัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นับถือศาสนาอิสลาม และพื้นที่ในจังหวัดแดนใต้ ยังคงเกิดเหตุการณ์รุนแรงจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ มานานกว่าทศวรรษ

ในขณะที่ เจ้าหน้าที่ไทยยังไม่ได้ตั้งเป้าถึงภัยคุกคามของไอเอสในประเทศไทยมากนัก แต่ในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย นั้นได้รับข่าวเกี่ยวกับการขยายแนวคิดและอิทธิพลของกลุ่มไอเอส ว่าเข้าไปเกณฑ์เยาวชนในท้องถิ่นมาเป็นสมาชิกแล้ว

วิดีโอคลิป หรือยูทิวป์ของกลุ่มร่วมอุดมการณ์ไอเอสที่มีการเผยแพร่ออกมานั้น มีการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจนว่า ต้องการให้ไปถึงผู้ชมในประเทศเหล่านั้น กลุ่มไอเอสมีหน่วยรบที่พูดภาษามลายู และทั้งที่เป็นกลุ่มสู้รบชาวมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่เรียกว่า Katibah Nusantara นอกจากนี้ ยังมีส่วนของสื่อเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ สำหรับผู้ชมที่พูดภาษามลายูโดยเฉพาะ ซึ่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มไอเอส ได้เผยแพร่วิดีโอ ที่แสดงให้เห็นว่ามีกลุ่มเยาวชนชาย ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการฝึกการใช้อาวุธอีกด้วย

ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ศกนี้ หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ของสิงคโปร์ ได้รายงานว่า มีกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงชาวมาเลเซีย ที่หนีไปอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ ได้มีแนวคิดในการรวบรวมกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ เช่น กลุ่มอาบูเซยาฟ ในฟิลิปปินส์ และกลุ่มเจมาอิสลามิยาห์ ในอินโดนีเซีย เพื่อจัดตั้งเป็นตั้งรัฐอิสลามในเอเชียอาคเนย์

แนวคิดไอซิสและชาวมุสลิมไทย

ส่วนในประเทศไทย นายดอเลาะ มูเซ็ม ชาวบ้านในจังหวัดยะลา กล่าวว่า ตนเองเคยพบเหตุการณ์ที่มีการเผยแพร่อุดมการณ์รัฐอิสลาม ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ของเพื่อนบ้านของตน กับบุคคลที่ทราบว่าเป็นชาวไทยมุสลิมที่เพื่อนเจอที่กรุงเทพ โดยได้มีการพูดจาเพื่อเผยแพร่แนวทางของรัฐอิสลาม

“ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มี ในปัจจุบัน เริ่มพบว่ามีคนมุสลิมแฝงเข้ามาแล้ว เคยมีคนใช้คำพูดในการบรรยายถึงเรื่องไอซิส” นายดอเลาะกล่าว

“แต่ก็เชื่อว่าบริบทในประเทศไทยไม่ง่าย ถึงจะมีคนคิดที่จะเป็นสมาชิก แต่ความคิดสุดโต่งเช่นนี้ ก็ไม่ง่ายที่คนมุสลิมผู้รักสันติจะเข้าร่วม แต่ก็มีคำถามว่าทำไมชนมุสลิมจึงถูกมองว่าเป็นกลุ่มชนที่ชอบความรุนแรง คนทั้งโลกคิดอย่างนั้น” นายดอเลาะ กล่าว

ผศ.ดร. ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ กล่าวว่า การนำเสนอเรื่องราวของไอซิสเป็นเรื่องสะท้อนให้เห็นว่ามีคนไทยมุสลิมในทั่วประเทศจำนวนหนึ่งเห็นด้วย และยอมรับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นของไอซิส แต่ก็ถือว่ามีน้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ของชาวไทยมุสลิมทั้งหมด ที่มีอยู่ประมาณสามล้านคน

“เป็นเรื่องสะท้อนให้เห็นว่ามีคนไทยมุสลิมส่วนหนึ่งที่เห็นด้วย สนับสนุน และยอมรับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นของไอซิส แต่ก็ถือว่ามีต่ำกว่าห้าเปอร์เซ็นต์” ผศ.ดร. ศรีสมภพ กล่าว

“แน่นอนที่จะมีคนกลุ่มนี้ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็ขอย้ำว่า เป็นส่วนน้อยมาก อีกทั้งคนส่วนน้อยเหล่านี้  ไม่ได้มีอิทธิพลทางด้านความคิดของคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะมุสลิมในพื้นที่ ไม่สนับสนุนด้วย” ผศ.ดร. ศรีสมภพ กล่าวเพิ่มเติม

“การเห็นด้วย ไม่ใช่ว่าจะสามารถปฏิบัติการได้ แค่เห็นอกเห็นใจยอมรับแนวคิดเท่านั้น จะไม่ทำให้เกิดการปฏิบัติการ สร้างองค์กร สร้างคน ขึ้นได้เพราะจำนวนคนมีน้อยมาก ยังไม่มีปัจจัยพอที่จะสามารถทำได้ ทั้งปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรม ชาติพันธ์ชนกลุ่มน้อย” ผศ.ดร. ศรีสมภพ กล่าว

ทางด้าน พลโทนักรบ บุญบัวทอง เลขานุการคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข กับฝ่ายองค์กรมาราปาตานี ซึ่งเป็นองค์กรร่มในการเจรจาของฝ่ายผู้เห็นต่างจากรัฐบาลกล่าวว่า ยังไม่พบรายงานการเข้าร่วมกับกลุ่มไอซิส

ทางด้านเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่ จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่า “เป็นการยั่วยุให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกับกลุ่มมุสลิมในประเทศเรามากขึ้น ทำให้เป็นเงื่อนไข อีกกรณีหนึ่งต่อการทำงานของเรา หากเปรียบเทียบเหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับทางภาคตะวันออกกลาง มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง คนละขั้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะไม่มี”

เสียงของชาวไทยมุสลิม

นางสาวคอรีเยาะ หะลี ผู้ที่สูญเสียบิดาในเหตุการณ์ทหารปะทะกับผู้ก่อการที่มัสยิดกรือเซะ ในปี 2547 กล่าวว่า การชักจูงไปในแนวทางอุดมการณ์ไอซิสที่นิยมความรุนแรงนั้น เป็นสิ่งที่เหลวไหล

“ฉันมองว่า ไร้สาระมากๆ และอยากให้พี่น้องเราทุกคนยึดหลักปฏิบัตตามบทบัญญัตของศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง ท่านศาสดา นบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) ท่านต่อสู้แบบไหน ท่านเอาชนะความชั่วร้ายแบบไหน อันนั้นแหละ คือสิ่งที่ถูกต้อง” นางสาวคอรีเยาะ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

“ส่วนนอกจากนี้ ที่สอนให้คนทำชั่ว ทำร้ายคนอื่น ฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมนั้น ไม่ใช่อิสลาม” นางสาวคอรีเยาะ กล่าวเพิ่มเติม พร้อมทั้งเรียกร้องให้ภาครัฐระงับการเผยแพร่เนื้อหาที่นิยมความรุนแรงแบบนี้ให้หมดไปจากสามจังหวัดชายแดนใต้ ที่มีปัญหาความรุนแรงภายในอยู่แล้ว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง