แม่ทัพภาคสี่ประชุมแก้ปัญหา คนสองสัญชาติไทย-มาเลเซีย
2019.12.12
ปัตตานี

ในวันพฤหัสบดีนี้ พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานการประชุมกับส่วนราชการในประเทศไทย เพื่อหารือในการแนวทางการแก้ไขปัญหาบุคคลสองสัญชาติ (ไทย-มาเลเซีย) ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ โดยให้หาหนทางระบุจำนวนบุคคลสองสัญชาติและให้บุคคลใดๆ เลือกสัญชาติเดียวเท่านั้น พร้อมประสานความร่วมมือกับฝ่ายมาเลเชีย
พล.ท.พรศักดิ์ พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กงสุลใหญ่ เมืองโกตาบารู ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมหารือโดยพร้อมเพรียง ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี
“เป็นที่ทราบดีว่าบุคคลที่ถือครองสองสัญชาติ ไทย-มาเลเซีย ปัจจุบันมีจำนวนเยอะมาก ประกอบกับที่ผ่านมา ปัญหาบุคคลถือครองสองสัญชาติ เป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของทั้งสองประเทศ ทั้งทางตรงและทางอ้อมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน รัฐบาลได้มีความพยายามในการแก้ไขปัญหา ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติในพื้นที่ ด้วยการประสานความร่วมมือกับฝ่ายมาเลเชีย แต่ยังไม่บรรลุผลสำเร็จตามที่ต้องการได้” พล.ท.พรศักดิ์ กล่าวต่อที่ประชุม โดยไม่ได้ให้รายละเอียดของปัญหาความมั่นคงว่ามีอะไรบ้าง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงรายหนึ่ง ระบุว่า มีผู้ก่อความไม่สงบและฝ่ายสนับสนุนจำนวนหนึ่ง มีสองสัญชาติ เคลื่อนไหวข้ามชายแดน เพื่อก่อเหตุรุนแรง แต่สามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไทย แล้วหนีเข้าไปหลบอยู่ในมาเลเซียในฐานะพลเมืองได้อย่างปลอดภัย
“ที่ต้องดำเนินการตอนนี้ คือ การเร่งสำรวจฐานข้อมูลที่ชัดเจน เรื่องจำนวนของบุคคลที่ถือครองสองสัญชาติ ว่ามีจำนวนตัวเลขเท่าไหร่ สำหรับประชาชนที่ถือครองสองสัญชาติ ก็ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายเป็นสำคัญ และคงต้องเลือกว่า จะถือสัญชาติใดสัญชาติหนึ่ง หากเป็นคนไทยก็ต้องเลือกสัญชาติไทย เพื่อจะได้ดูแลได้อย่างถูกต้อง” พล.ท.พรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า กฎหมายไทยบังคับให้บุคคลเลือกถือสัญชาติเดียว
“วันนี้เราพูดถึงมาเลเซีย สมมุติเขาบอกว่า ไม่ติดขัด ใครจะถือกี่สัญชาติก็ได้ ก็ถือสองสัญชาติได้ตามกฎหมายของเขา แต่สำหรับประเทศไทย เรามีการถือสัญชาติหรือการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง กฎหมายกำหนดเลยว่า คุณจะต้องเลือก ถ้าคุณเป็นคนไทยคุณก็ต้องสัญชาติไทย ต้องมีสัญชาติเดียวเท่านั้น คุณจะเลือกไปมาเลย์หรือจะอยู่ไทยก็ต้องเลือก” นางพาตีเมาะ กล่าว
นางพาตีเมาะ กล่าวอีกว่า เรื่องบุคคลสองสัญชาติ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย เพราะทางไทยเองก็ไม่ทราบว่ามีใครถือสองสัญชาติบ้าง และถ้าหากทางมาเลเซียไม่ให้ความสนใจก็จะแก้ปัญหาได้ยาก
“ทางเดียวที่จะมาตรวจสอบได้ ก็คือจะต้องเอาฐานข้อมูลจากมาเลเซียกับฐานข้อมูลของประเทศไทยมาชนกัน ซึ่งถามว่ามาเลเซียจะให้ไหม มันก็ไม่ใช่ง่าย เว้นแต่ว่าคนที่ถูกจับหรือถูกคดีนี้ มันสามารถพิสูจน์ง่ายขึ้น... การตรวจพิสูจน์เรื่องดีเอ็นเอ ก็ต้องเว้นไว้แต่กรณีเป็นคดีอาชญากรรมก่อการร้ายที่มีข้อตกลงร่วมกัน อันนี้ มันจะนำไปสู่ของการรู้ว่าบุคคลสองสัญชาติได้” นางพาตีเมาะ กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน นายอันวา (ไม่ขอออกนามสกุล) ซึ่งถือครองทั้งบัตรประชาชนไทยและมาเลเซีย กล่าวว่า ตนเองได้บัตรประชาชนมาเลเซียในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งนานมาแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่คนไทยที่มีบัตรสองใบ ก็เพราะต้องการความสะดวกในการทำมาหากินขณะอยู่ในประเทศนั้นๆ
“ผมได้บัตรมาเลย์สมัยตอนที่เขาเลือกตั้ง จะได้บัตรง่ายมากในอดีตช่วงที่ใกล้เลือกตั้ง คนในพื้นที่หลายคนที่ต้องการมีบัตรมาเลย์ ก็จะรู้กันว่าต้องรอช่วงใกล้เลือกตั้ง... ผมไม่ได้ต้องการมีสองสัญชาติ เพื่อข้ามไปมาเพื่อก่อเหตุเลย ถามว่ามีไหมแบบนั้น ก็ยอมรับว่ามี แต่มีคนอีกจำนวนมากต้องการ เพราะเหตุผลของการอยู่รอดในการทำมาหากิน” นายอันวา กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 ระบุว่า การเสียสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว เป็นการเสียสัญชาติไทยโดยผลของกฎหมายตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 หากกระทรวงการต่างประเทศโดยพนักงานทูต หรือกงสุล ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 ได้ตรวจพบกรณีตามมาตรา 22 ก็สามารถรวบรวมเอกสารหลักฐานส่งให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการได้ ทั้งนี้ มาตรา 22 ระบุว่า ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว หรือสละสัญชาติไทย หรือถูกถอนสัญชาติไทย ย่อมเสียสัญชาติไทย
เหตุระเบิดเทพา ตำรวจเจ็บ 5 ราย
ในตอนบ่ายของวันนี้ พ.ต.ท.บัญชา ผาดไธสง สว.สอบสวน สภ.เทพา จ.สงขลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้น บนถนนสาย 4085 เทพา-ลำไพล บ้านป่ากอ ม.5 ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เทพา ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 ราย คือ พ.ต.ท.ไพศาล แสงอรุณ ด.ต.ศุภชัย รักนุ่น ด.ต.สัญญา จันทร์แก้ว ด.ต.ประคอง ช่วยนุกุล และ ด.ต.สุกี หะยีตาเห ทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์
จากการสอบสวนทราบว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้นในระหว่างทาง ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวกำลังเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้โรงเรียนบ้านป่ากอ ส่วนประเด็นและเหตุ เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ขบวนการก่อความไม่สงบเป็นผู้ลงมือตอบโต้ฝ่ายบ้านเมือง
และอีกเหตุหนึ่ง ในตอนค่ำวันเดียวกัน ร.ต.ท.อนิวัฒน์ ขอบเพ็ชร พนักงานสอบสวน สภ.สายบุรี ได้รับแจ้งเหตุ คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ขับเข้ามาบริเวณจุดตรวจย่อย (ห่อสูง) แยกเจาะกือแยร้อย ทพ.4412 ม.3 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ก่อนใช้อาวุธปืนยิงใส่จุดตรวจ 4-5 นัด เจ้าหน้าที่ทหารประจำจุดตรวจได้ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ จนคนร้ายหลบหนี ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว