ไทย-มาเลเซีย เห็นด้วยในการเปิดด่านทั้ง 9 แห่ง 24 ชั่วโมง

มารียัม อัฮหมัด
2020.02.05
ปัตตานี
200205-TH-takbai-border-1000.jpg ผู้โดยสารขึ้นฝั่งที่ตลาดริมแม่น้ำตากใบ ในจังหวัดนราธิวาส ตรงข้ามชายแดนมาเลเซีย เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562
เอเอฟพี

ในวันพุธนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าว เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยและฝ่ายมาเลเซีย มีความเห็นพ้องกันในการที่จะดำเนินการเพื่อเปิดด่านชายแดนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่

ในวันนี้ ที่สถานกงสุลใหญ่ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร ได้เป็นประธานการประชุมหารือ และประสานการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ ในการขับเคลื่อนกำหนดแนวทางการบริหารจัดการด่านศุลกากรชายแดน ไทย-มาเลเซีย ทั้ง 9 แห่ง โดยมี นายมงคล สินสมบูรณ์ กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู รวมถึงผู้แทนจากด่านชายแดนจังหวัดนราธิวาส อาทิ ด่านสุไหงโกลก ด่านตากใบ และด่านบูเก๊ะตา อำเภอแว้ง และผู้แทนเจ้าหน้าที่ด่านชายแดนประเทศมาเลเซีย อาทิ ด่านบูกิตบูหงา ด่านรันเตาปันยัง และเปิงกาลันกุโบร์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

“ในที่ประชุมได้มีข้อเห็นชอบร่วมกันในการดำเนินการเพื่อเปิดด่านตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากสามารถอำนวยความสะดวกและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ได้มีการเน้นย้ำถึงมาตรการในการควบคุมการลักลอบนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่ผิดกฎหมายด้วย” พลเรือตรีสมเกียรติ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

โดยครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสองประเทศ เพื่อหารือร่วมกัน ซึ่งพลเรือตรีสมเกียรติ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่าย จะนัดประชุมอีกที เพื่อกำหนดกรอบ และวันเปิดด่าน

“รัฐบาลของประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด่านชายแดนทั้ง 9 แห่ง อย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังให้พลิกฟื้นสภาพเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งด่านในจังหวัดนราธิวาสต้องเร่งผลักดันเพื่อเสริมการพัฒนาให้สอดรับกับโครงการเมืองต้นแบบ ด่านโกลก จะเร่งพัฒนาเพื่อให้มีความพร้อมในการส่งออกผลผลิตทางการเกษตร ในขณะที่ด่านบูเก๊ะตา จะผลักดันให้แล้วเสร็จ เพื่อสามารถเชื่อมโยงขนส่งและการค้าขายสินค้าระหว่างชายแดนทั้งสองฝั่ง และด่านตากใบ จะต้องปรับเพื่อให้มีความพร้อมของแพขนส่งสินค้าและอาหารทะเล” พลเรือตรีสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ จากด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย 9 แห่งนั้น มีด่านสะเดา-บูกิตไกยูไฮตัม ที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมงไปเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว

พลเรือตรีสมเกียรติ ระบุว่า ผู้แทนเจ้าหน้าที่ฝ่ายมาเลเซีย เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ ศอ.บต. กำลังผลักดันพร้อมเร่งดำเนินการให้มีการพัฒนาด่านชายแดนทั้ง 9 แห่ง ของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงด่านตอนเหนือของมาเลเซีย รองรับการต่อยอดด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้มากยิ่งขึ้นต่อไป

ด้าน นายชนธัญ แสงพุ่ม ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผยว่า ตามตัวเลขของสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 การค้าชายแดนของสองประเทศในช่วงปีงบประมาณ 2563 มีมูลค่าสูงถึงกว่า 130,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น มูลค่าการนำเข้าการค้าชายแดน ทั้ง 9 ด่าน รวม 64,129,701,201.98 ล้านบาท แยกเป็น ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ 18,090,375,317.75 ล้านบาท ด่านศุลกากรสะเดา 45,382,881,301.82 ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก 472,223,380.46 ด่านศุลกากรเบตง 42,384,935.99 ด่านศุลกากรตากใบ 21,135,046.40  ด่านศุลกากรสตูล 94,215,726.46 ด่านศุลกากรวังประจัน 23,380,165.58 ด่านศุลกากรบ้านประกอบ 2,977,936.06 ด่านศุลกากรบูเก๊ะตา 127,391.46 ล้านบาท

ส่วนมูลค่าการส่งออกการค้าชายแดน ด่าน รวม 66,392,655,319.20 ล้านบาท แยกเป็น ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์  ทั้งหมด 26,550,065,771.50 ล้านบาท ด่านศุลกากรสะเดา 37,984,457,446.84 ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก 221,766,962.52 ด่านศุลกากรเบตง 794,758,354.68 ด่านศุลกากรตากใบ 433,051,575.89 ด่านศุลกากรสตูล 44,858,614.89 ด่านศุลกากรบ้านประกอบ 363,323,392.88 ด่านศุลกากรบูเก๊ะตา 373,200.00 ล้านบาท

ส่วนมูลค่าการค้าของทั้งประเทศอยู่ที่ 7.6 ล้านล้านบาท ในปีเดียวกัน

นายธนันท์รัฐ ศรประสิทธิ์ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดยะลา  กล่าวว่า ในปีนี้ เป็นช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว แต่การพยายามพัฒนาพื้นที่ของรัฐจะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ รวมทั้งการจัดซื้อผลไม้ของประเทศจีน

“ตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจเป็นช่วงชะลอตัว การพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อว่างบประมาณภาครัฐยังมีส่วนสำคัญมากในการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้อัตราการขยายตัวได้... ส่วนผลไม้ เกิดจากอานิสงส์จากบริษัทจีนเข้ามารับซื้อ ทำให้ทุเรียน ของ จ.ยะลา มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 4,000 ล้านบาท ปีนี้ทางบริษัทให้การยืนยันว่าว่าอยากให้เกษตรกรเน้นคุณภาพของทุเรียนราคาจะไม่ตก ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น” นายธนันท์รัฐ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

นายธนันท์รัฐ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมภาคเอกชนกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และต่อมาสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้นำเสนอผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/63 เมื่อวันอังคารที่ 21 มกราคม 2563 ที่จังหวัดนราธิวาสนั้น ทางสมาชิกหอการค้าสามจังหวัดแสดงความเห็นด้วยต่อแนวทางการพัฒนาโลจิสติก ให้เมืองต่างๆ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ความเชื่อมโยงกันดีขึ้น นอกจากนั้น ยังได้ผลักดันให้ทางรัฐบาลพัฒนารถไฟรางคู่ เเริ่มจากสุไหง-โกลก ไปยังหาดใหญ่ด้วย

ด้าน นางบีเดาะ อับดุลเราะห์มาน นักธุรกิจค้าบายหนังกระเบน ในจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลกประกอบกับค่าเงินริงกิตมาเลเซียที่อ่อนค่าลง มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก

“แนวโน้มเศรษฐกิจปีนี้ ฉันมองว่า น่าจะแย่กว่าปีที่ผ่านมา จีนยังปิดประเทศ ของส่งเข้าส่งออกไม่ได้ ราคาทุเรียน ผลไม้ และสินค้าอีกมากมาย ต้องโดนกระทบ ขณะที่มาเลเซีย เงินริงกิตถูก แม้ประเทศไทยเรายังไม่เจอสถานการณ์ที่หนักๆ แต่เมื่อเจอผลกระทบจากสองด้านนี้ ก็ส่งผลกระทบวงกว้าง” นางบีเดาะ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง