ตำรวจมาเลเซียช่วยชายไทย 5 คน พบไปขอรับเงินบริจาคในมาเลเซีย
2017.06.07
กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซีย ในรัฐเปรัค ได้ทำการช่วยเหลือชายไทยห้าคน เชื่อว่าตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ โดยถูกหลอกมา และบังคับให้ขอทาน ขอรับเงินบริจาค โดยอ้างว่า เพื่อนำไปสร้างมัสยิด ในจังหวัดนราธิวาส
ในการเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งที่ ตันจุง รัมบูตาน ในเปรัค เมื่อคืนวันอังคารที่ 6 มิถุนายนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมชายไทย อายุ 36 ปี รายหนึ่ง ต้องสงสัยว่าเป็นผู้คุมเหยื่อทั้งหมด
“เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซีย ยังคงสืบสวนสอบสวน เพื่อค้นหาผู้ต้องสงสัยรายที่สอง หรือที่รู้จักในนาม โป็ก เต (Pok Teh) โดยเชื่อว่า เป็นผู้บงการของกลุ่มนี้ และมีการออกไปขอรับเงินบริจาคมาโดยตลอด แถวคลางวัลเลย์ [กลางเมืองกัวลาลัมเปอร์] เพื่อสร้างมัสยิดในจังหวัดนราธิวาส" กัน เตียน คี ผู้กำกับการแผนกสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม รัฐเปรัค กล่าวแถลงเมื่อวันพุธ
เขากล่าวว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ ทำให้สามารถช่วยเหลือผู้ตกเป็นเหยื่อออกมาได้ 4 ราย ส่วนเหยื่อคนที่ห้า เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือมาจากในอีกพื้นที่หนึ่ง เมื่อเที่ยงวันอังคาร โดยเหยื่อทั้งหมด มีอายุระหว่าง 18 ถึง 28 ปี และถูกบังคับให้มาขอทาน ตั้งแต่ถูกลักลอบพาเข้ามาในประเทศมาเลเซียเมื่อ 11 เดือนที่แล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้คุมเหยื่อ ได้จากบริเวณกุนุงราปัด (Gunung Rapat) พร้อมเอกสารและหนังสือรับรองการบริจาคเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปก่อสร้างมัสยิดนูรูลฮูดะฮ์ ในนราธิวาส
โดยเหยื่อรายหนึ่งก่อนหน้านี้ ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เพื่อนอีกสี่คนยังติดอยู่ในบ้าน โดยมีผู้คุมเฝ้าอยู่
"เหยื่อที่ถูกหลอกมาทั้งหมดมาจากจังหวัดนราธิวาส และทำการขอเงินเป็นเรื่องเป็นราว แถวอิโปห์ รวมถึงตามรอมฎอนบาซาร์รอบเมือง เพื่อขอรับเงินบริจาคไปสร้างมัสยิด" เตียน คี กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่เชื่อว่า โป็ก เต ได้ว่าจ้างผู้คุมเป็นเงิน 2000 มาเลริงกิต หรือเงินไทยประมาณ 16,000 บาท ให้ควบคุมดูแลเหยื่อทั้ง 5 ราย
ผู้ตกเป็นเหยื่อเล่าอีกว่า ถูกควบคุมตัว โดยชายคนหนึ่ง และได้รับเงินรายวันจำนวน 20 มาเลริงกิต เทียบเป็นเงินไทยประมาณ 160 บาทต่อวัน หากพวกเขาสามารถขอเงินบริจาคได้ 100 มาเลริงกิต หรือ ประมาณ 800 บาท แต่ถ้าพวกเขาไม่สามารถทำได้ พวกเขาก็จะไม่ได้กินอาหารวันนั้น
"พวกเขา[เหยื่อ]มาจากครอบครัวที่ยากจน และถูกลักลอบพาเข้าประเทศมาเลเซียทางรถยนต์ โดยอุซตาซ หรือในชื่อที่เรียกกันว่า โป็ก เต ผ่านมาทางด่านปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส และจากการสืบสวนสอบสวน พบว่าเหยื่อมาอยู่ในอืโปห์ ได้ 11 เดือนแล้ว" เตียน คี เสริม
โดยเมื่อวันอังคาร เจ้าหน้าที่ได้จับกุมและยึดรถยนต์วอลโว่หนึ่งคัน เงินสดมาเลริงกิตเทียบเป็นเงินไทยประมาณ 7400 บาท โทรศัพท์มือถือห้าเครื่อง และอุปกรณ์บางชนิดที่ใช้ในการรับเงินบริจาค รวมทั้งโน้ตบุ๊คสี่เครื่อง เพื่อบันทึกรายการบริจาค หนังสือเดินทางห้าเล่ม ถุงดำสี่ใบ และใบเสร็จรับเงินในนามมัสยิดนูรูลฮูดะฮ์
เจ้าหน้าที่มาเลเซีย กำลังทำการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ ตามมาตรา 12 ของพระราชบัญญัติการป้องกันการค้ามนุษย์และการต่อต้านการลักลอบเข้าเมืองของคนข้ามชาติ (ATIPSOM) พ.ศ. 2550
นายอับดุลเราะหมาน อัลดุลศอมัด ประธานสมาพันธ์คณะกรรมการอิสลาม จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ถึงเรื่องนี้ว่า การเรี่ยไร เพื่อการกุศล หรืออ้างถึงเพื่อสร้างมัสยิด ทางผู้นำศาสนา ไม่เคยอนุญาตให้กระทำได้ ในประเทศเพื่อนบ้าน หรือกรณีเรี่ยไร ในประเทศมาเลเซีย เพราะกฏหมายมาเลเซีย มีความเด็ดขาด และไม่อนุญาตให้มีการเรี่ยไร่ หากไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ กับหน่วยงานเกี่ยวข้องที่มีอำนาจในประเทศมาเลเซีย
“ที่ผ่านมาก็ไม่เคยส่งใครไปเรี่ยไร หากจำเป็นต้องขอบริจาค ทางคณะกรรมการอิสลาม ประจำจังหวัดนั้น จะต้องประสานระหว่างองค์กรเป็นการเฉพาะ คือ คณะกรรมอิสลามไทย กับคณะกรรมการอิสลามมาเลเซีย เป็นการเฉพาะกิจเท่านั้น”
ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่มาเลเซีย จับกุมคนไทย และคนที่ถูกจับกุมไปเรี่ยไร ว่าผู้ต้องหาให้การว่า มาจากมัสยิดแห่งหนึ่ง ใน จ.นราธิวาส นั้น นายอับดุลเราะหมานกล่าวว่า “ยังไม่ได้รับการประสานจากทางการมาเลเซีย ต้องดูข้อมูลอีกครั้ง”
รพี มามะ ในจังหวัดนราธิวาส มีส่วนในการรายงานฉบับนี้