นายกรัฐมนตรีไทยปฏิเสธคำร้องขอการทบทวนคำพิพากษาคดีฆาตกรรมเกาะเต่า

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2015.12.28
TH-myanmar-crime-620 ซอ ลิน (ขวา) และไว พิว (หรือ วิน ซอ ทุน) ผู้ต้องหาชาวพม่าถูกนำตัวออกจากศาลจังหวัดเกาะสมุย หลังจากศาลตัดสินประหารชีวิต ในคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เมื่อกันยายน 2557 ภาพวันที่ 24 ธันวาคม 2558
เอเอฟพี

ในวันจันทร์ (28 ธ.ค. 2558) นี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึง การตัดสินคดีสองชาวพม่ากระทำการฆาตรกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษว่า การตัดสินเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของไทย จะไม่มีการยกเลิกกระบวนการพิจารณาคดี

ในวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา นายซอ ลิน และนายไว พิว (หรือ วิน ซอ ทุน) คนงานจากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา ถูกศาลจังหวัด เกาะสมุย ตัดสินประหารชีวิตในข้อหาฆาตรกรรม นายเดวิด มิลเล่อร์ อายุ 24 ปี ในขณะนั้น และนางสาวฮันนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ อายุ 23 ปี สองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2557 บนเกาะเต่า จังหวัดสุราษฏร์ธานี

คำตัดสินประหารชีวิตทำให้เกิดการประท้วงในเมืองชายแดนของเมียนมา-ไทยหลายแห่ง รวมทั้งในย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของเมียนมา ซึ่งสถานทูตไทยต้องปิดการให้บริการด้านกงศุล ตั้งแต่วันที่ 28-30 ธันวาคม เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย

ในวันเสาร์ที่ผ่านมาสถานทูตเมียนมา ประจำกรุงเทพ และ พลเอกอาวุโส มินอ่องลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยทบทวนคำตัดสินในคดีดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวก่อนออกเดินทางไปยังภาคใต้ ในทำนองว่า การตัดสินคดีความให้เป็นไปตามระบบยุติธรรมของไทย และรัฐบาลจะไม่ยอมให้แรงกดดันภายนอกมาแทรกแซง ทั้งนี้มีกระบวนการอุทธรณ์อยู่แล้ว

“ทางเมียนมาเขาก็บอกว่าขอความกรุณาให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่จะให้ยกเลิกการดำเนินคดีทั้งหมดได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็บอกเขาสิ” พล.อ.ประยุทธ์ได้ย้อนถามผู้สื่อข่าวที่สอบถามในการเรื่องนี้

ทางด้านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวต่อผู้สื่อข่าว หลังจากการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจว่า การรื้อคดีไม่สามารถทำได้

“จะรื้อยังไง เขาตัดสินไปหมดแล้ว ผมก็บอกแล้ว เดี๋ยวเขาก็มีกระบวนการอุทธรณ์ อุทธรณ์แล้วเขามีการหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ถ้ามีพยานหลักฐานใหม่ๆ ก็เอามา ไม่เห็นเป็นไร ทำไมต้องใช้คำว่ารื้อคดี รื้อหมายความว่า คดียุติธรรมของเราไม่ได้เรื่องนะซี” พล.อ.ประวิตรกล่าว

ญาติผู้เสียชีวิตเชื่อในคำตัดสินของศาล

หลังจากศาลได้อ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นลง ในวันที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา ครอบครัวของนายเดวิด มิลเลอร์ที่มาฟังคำพิพากษาได้แถลงถึงความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย

“เราเชื่อว่าผลการตัดสินในวันนี้นั้น เป็นการแสดงถึงความยุติธรรมแก่เดวิดและฮันนาห์” ไมเคิล มิลเลอร์ พี่ชายของเดวิด กล่าว “เราได้รับฟังถึงหลักฐานทั้งหมดอย่างรอบคอบ และในความเห็นของเรานั้น มีหลักฐานมากเกินพอต่อไว พิว และซอ ลิน”

“พวกเขาข่มขืนเพื่อสนองตอบต่อตัณหาของตน และฆ่าคนเพื่อกลบหลักฐาน ในระหว่างการพิจารณาคดี พวกเขาไม่แสดงอาการเสียใจแม้แต่น้อย เราเชื่อว่าเราได้รับความยุติธรรมแล้ว”

คนร้ายใช้จอบตีเดวิด และข่มขืนฮันนาห์

เดวิด มิลเล่อร์ และ ฮันนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ กำลังพักผ่อนอยู่ที่หาดทรายรีบนเกาะเต่า ในคืนวันที่ 15 กันยายน และในวันที่ 2 ตุลาคม ตำรวจจับกุมตัวไว พิว และซอ ลิน ซึ่งมีอาการพิรุธ และเตรียมตัวหนีออกจากเกาะเต่า จากนั้นตำรวจพบว่าทั้งสองปรากฏตัวอยู่ในวีดีโอวงจรปิดในคืนเกิดเหตุอีกด้วย

ในวันถัดมา พลเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้น กล่าวในการแถลงข่าวว่า ทั้งสองได้ร่วมกันฆ่าเดวิด และฮันนาห์โดยใช้จอบตีเดวิดจนหมดสติ และลากลงทะเล แล้วข่มขืนแล้วฆ่าฮันนาห์ จำเลยที่สองให้การรับสารภาพ แต่กลับคำให้การในภายหลัง โดยอ้างว่าถูกตำรวจทรมานให้รับสารภาพ

ทั้งนี้ จากการตรวจหลักฐานดีเอ็นเอ ปรากฏว่าคราบอสุจิที่พบบนตัวฮันนาห์ตรงกับจำเลยทั้งสอง เป็นเหตุให้ศาลตัดสินประหารชีวิตจำเลยทั้งสองดังกล่าว

นายนคร ชมพูชาติ ทนายของผู้ต้องหาทั้งสองคน กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ตนกำลังเตรียมสำนวนในการยื่นอุทธรณ์ แต่ยังไม่สามารถกำหนดวันได้ โดยจะเสนอความเห็นแย้งในหลายประการ

“เรามีข้อสังสัยหลายข้อ ในเรื่องการซ้อมพยาน หลักฐานศาลไม่ได้หยิบยกขึ้นมาพิจารณา ไม่เอามาเป็นข้อวินิจฉัย กระบวนการไม่ถูกต้อง ตั้งแต่การให้ผู้ต้องหาเซ็นรับสารภาพ โดยไม่มีทนาย และการเก็บหลักฐานดีเอ็นเอจากศพฮันนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ ก็ไม่ถูกต้องตามหลักมาตรฐานสากล” นายนครกล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง