โป๊บฟรานซิสเข้าเฝ้าในหลวง สมเด็จพระสังฆราช และพบนายกรัฐมนตรี
2019.11.21
กรุงเทพฯ

ในวันพฤหัสบดีนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10, สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก และพบปะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยระบุทรงห่วงเป็นพิเศษ บรรดาเด็กชาย หญิง และสตรี ที่ตกเป็นเหยื่อของการค้าประเวณี และการค้ามนุษย์ และเยาวชนที่ตกเป็นทาสของยาเสพติด
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2562 ตามคำเชิญของรัฐบาลไทย และสภาประมุขบาดหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย โดยในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีนี้ ได้เสด็จเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และประทานสุนทรพจน์ต่อคณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน ที่มาเข้าเฝ้าว่า รู้สึกยินดีกับประเทศไทยที่กลับคืนสู่ประชาธิปไตย
“ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งที่ประเทศได้ผ่านการเลือกตั้ง อันเป็นก้าวสำคัญในการกลับมาสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง ที่ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้ข้าพเจ้าสามารถมาเยือนราชอาณาจักรไทยในครั้งนี้” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส กล่าวสุนทรพจน์ ตอนหนึ่ง
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวต้อนรับ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยระบุว่า สิ่งที่ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้ทรงกระทำเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนทุกศาสนา
“เกล้ากระหม่อมรู้สึกชื่นชมในพระกรณียกิจที่น่ายกย่องของฝ่าพระบาท ที่ทรงให้ความสำคัญกับการสร้างความสามัคคีปรองดองระหว่างมนุษยชาติ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะในหมู่เยาวชน การขจัดความยากจน การสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมบรรยากาศแห่งสันติภาพให้บังเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก บทบาทของฝ่าพระบาทในประเด็นต่างๆ เหล่านี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน โดยไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะมีความเชื่อในศาสนาใด หรือพื้นเพทางสังคมอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
หลังจากนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จเข้าเฝ้า สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก โดย สมเด็จพระสังฆราชฯ ตรัสแก่ สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ว่า นับเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพึงจดจารึกไว้เป็นศุภนิมิตแห่งน้ำใจไมตรีที่ศาสนจักรโรมันคาทอลิกกับพุทธจักรไทย มีสืบเนื่องกันมาอย่างแน่นแฟ้น ราบรื่น และงดงาม เป็นเวลาเนิ่นนาน นับแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา
เวลาต่อมา สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้เสด็จไปยัง โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ พระราชทานเยี่ยมผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และคริสตชนที่มารอรับเสด็จ โดยคริสตชนที่มาเฝ้ารับเสด็จต่างเปล่งเสียงว่า “Viva iI Papa” ซึ่งเป็นภาษาอิตาลีแปลว่า “ทรงพระเจริญ” ขณะที่ สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้ตรัสประทานโอวาทว่า
“ลูก ๆ ที่รักทั้งหลาย พ่อมีความยินดีที่ได้มีโอกาสได้พบกับลูกๆ ทุกคน ที่เป็นเวชบุคคลของโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ โรงพยาบาลเครือคาทอลิกอื่น ๆ ...สำหรับตัวพ่อเองแล้ว นี่เป็นพระพรที่พ่อได้ประจักษ์ด้วยตัวเอง ถึงงานรับใช้ที่มีคุณค่ายิ่ง ที่พระศาสนจักรได้มอบให้กับปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด”
ในช่วงเย็น สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้เสด็จเข้าเฝ้า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ในการนี้ ทั้งสองพระองค์ได้ทรงแลกเปลี่ยนของขวัญซึ่งกันและกัน โดยการเข้าเฝ้าครั้งนี้ ถือเป็นการกระชับสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทย และสำนักวาติกัน มีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ช่วงเวลา 18.00 น. สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้เสด็จประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ (มิสซา หรือ Mass) สำหรับปวงชนชาวไทย ณ สนามกีฬาแห่งชาติ ศุภชลาศัย โดยตรัสประทานโอวาทว่า ทรงเป็นห่วงเยาวชนที่ตกเป็นทาสการค้ามนุษย์ และยาเสพติด โดยทรงเห็นว่า ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน โดยในสนามศุภชลาศัย และรอบบริเวณ มีคริสตชนมากกว่า 6 หมื่นคนเฝ้ารับเสด็จ
“พ่อคิดถึงเป็นพิเศษ คือบรรดาเด็กชาย หญิง และสตรีที่ตกเป็นเหยื่อของการค้าประเวณี และการค้ามนุษย์ ซึ่งทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขาถูกทำลายไป พ่อคิดถึงเยาวชนที่ตกเป็นทาสของยาเสพติด และดำเนินชีวิตอย่างไร้ความหมาย โดยการหยุดที่จะใฝ่ฝัน หรือการเผาทำลายความฝันของตัวเอง พ่อคิดถึงบรรดาผู้อพยพที่ไร้บ้านเรือนที่จะพักพิง และจำต้องจากครอบครัวไป พ่อคิดถึงผู้คนอีกจำนวนมากที่อาจจะรู้สึกว่าตนเองถูกลืม เหมือนเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้ง” สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ตรัส
“พี่น้องของเราจำนวนมากมาย ที่ดำเนินชีวิตโดยปราศจากแสงสว่าง พลัง และความบรรเทาใจจากพระเยซูคริสตเจ้า ปราศจากชุมชนแห่งความเชื่อที่ต้อนรับเขา ปราศจากขอบฟ้าแห่งความหมายของพ่อ คิดถึงบรรดาชาวประมงที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ พ่อคิดถึงบรรดาคนขอทาน คนที่ไร้ที่พึ่งพิง และถูกเพิกเฉย พวกเขาเหล่านี้เป็นสมาชิกในครอบครัวของเรา อย่าปิดกั้นชุมชนของเราจากใบหน้า บาดแผล รอยยิ้ม อย่าหยุดยั้งความรักความเมตตาของพระเจ้าในการที่จะเจิมบาดแผล และความเจ็บปวดของเขาศิษย์ธรรมทูต”
“ต้องเข้าใจว่าการแพร่ธรรมไม่เกี่ยวกับการเพิ่มปริมาณ หรือการแสดงถึงอิทธิพล หรืออ่าน หากเป็นการเปิดประตูเพื่อการมีส่วนร่วมในอ้อมกอดที่เปี่ยมด้วยความรัก และความเมตตา และการเยียวยารักษาของพระบิดาซึ่งทำให้เราเป็นครอบครัวเดียวกัน” สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ตรัส
น.ส.พัชรี สร้างกุศลในพสุทา อายุ 23 ปี ชาวปกาเกอะญอ ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า รู้สึกดีใจที่ได้อ่านภาวนาเพื่อมวลชน ในพิธีบูชาขอบพระคุณ
“เป็นเหมือนพรจากพระผู้เป็นเจ้าที่เขามอบให้หนูมาอ่านภาวนาเพื่อมวลชน โดยที่หนูไม่คิดว่า จะได้รับคัดเลือก เพราะหนูเป็นแค่เด็กชนเผ่าปกาเกอะญอ หนูดีใจมาก” น.ส.พัชรี กล่าว
ด้าน พญ.สุภาพร ศรีธวัชพงศ์ แพทย์จากโรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งรับเสด็จ สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ที่ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ กล่าวแก่เบนาร์นิิวส์ว่า รู้สึกภูมิใจและดีใจมากที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ครั้งนี้
“วันนี้ดีใจมากๆ ที่ได้มารับเสด็จองค์พระสันตะปาปา ซึ่งเปรียบประดุจเป็นคุณพ่อของเรา เราดีใจมากที่คุณพ่อมาเยี่ยมลูก ในโอกาสนี้ รู้สึกตื่นเต้น แล้วก็ปลื้มปิติ ภาคภูมิใจ ... เป็นความอบอุ่นที่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศจะจารึกไว้ในจิตใจเป็นประวัติศาสตร์ ครั้งสำคัญของประเทศไทย เพราะท่านเป็นผู้รวบรวมทุกศาสนา และให้เกียรติแก่ทุกศาสนา” พญ.สุภาพร กล่าว
ทั้งนี้ ในวันศุกร์ สมเด็จพระสันตะปาปาฯ จะเสด็จไปยังวัดคาทอลิกนักบุญเปโตร อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พบกับคณะบาทหลวงและนักบวช แล้วจะเสด็จต่อไปยังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพบกับบรรดาผู้นำสถาบันอุดมศึกษา คณาจารย์ นิสิต นักศึกษา และในช่วงเย็น เสด็จไปทำพิธีบูชาขอบพระคุณสำหรับเยาวชน ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก และในวันเสาร์ ท่านจะเสด็จเดินทางไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 เพื่อเสด็จไปกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นด้วยเครื่องบินต่อไป