ผบ.ทบ. สหรัฐฯ ถึงไทยตรวจโควิด-19 ผ่านเตรียมพบ นายกฯ พรุ่งนี้

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2020.07.09
กรุงเทพฯ
200709-TH-US-COVID-army-1000.jpg พล.อ.เจมส์ ซี. แมคคอนวิลล์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ระหว่างตรวจคัดกรองโควิด-19 หลังเดินทางถึงประเทศไทย วันที่ 9 กรกฎาคม 2563
กองทัพบก

ในวันพฤหัสบดีนี้ พล.อ.เจมส์ ซี. แมคคอนวิลล์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางถึงประเทศไทยแล้ว เมื่อช่วงเช้า โดยผ่านการตรวจคัดกรองโควิด-19 และมีกำหนดจะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันศุกร์นี้ ขณะเดียวกัน นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมเบร เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ยืนยันว่า สหรัฐฯจะให้ความช่วยเหลือไทยแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ หลังได้เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

พล.อ.เจมส์ ซี. แมคคอนวิลล์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางถึงประเทศไทยในเวลาประมาณ 10.15 น. ณ ท่าอากาศยานทหาร ดอนเมือง โดยใช้อากาศยานของสหรัฐอเมริกา โดยหลังจากถึงประเทศไทย พล.อ.เจมส์ และคณะ ได้เข้ากระบวนการตรวจคัดกรองโควิด-19 และมีผลตรวจเป็นลบทั้งสิ้น โดยมี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เดินทางมาให้การต้อนรับด้วยตัวเอง

“ผบ.ทบ.สหรัฐฯ และคณะ เดินทางเยือนประเทศไทยในฐานะแขกของ ทบ. ระหว่าง 9-10 ก.ค. 63 โดยจะเข้าเยี่ยมคำนับ นายกรัฐมนตรี/รมว.กลาโหม และ ผบ.ทบ. ในวันศุกร์ที่ 10 ก.ค. 63 สำหรับวัตถุประสงค์ของการเยือน เพื่อร่วมลงนามในเอกสารแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม ระหว่าง ทบ. และ ทบ.สหรัฐฯ โดยเป็นการสานต่อความร่วมมือภายหลังการลงนามระหว่าง รมว.กห. กับ รมว.กห.สหรัฐฯ ในแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมระหว่างไทย - สหรัฐฯ ปี 2563 ว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศ (Joint Vision Statement 2020 for the Thai - U.S. Defense Alliance) เมื่อ 17 พ.ย. 62 ที่ผ่านมา” เอกสารข่าวของกองทัพบกไทย ระบุ

“การลงนามในเอกสารแถลงการณ์ดังกล่าว เพื่อนำเรื่องที่กระทรวงกลาโหมทั้งสองประเทศได้แถลงไว้ในวิสัยทัศน์ร่วม ไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ความร่วมมือในการพัฒนากองทัพบกไทยให้มีศักยภาพ และความทันสมัย ด้วยการดำเนินการผ่านแผนงานความร่วมมือทางทหารในด้านต่างๆ” เอกสารฉบับเดียวกัน ระบุ

กองทัพบกระบุว่า ความร่วมมือทางทหารดังกล่าว ประกอบด้วย การแลกเปลี่ยนด้านกำลังพล (การเยือน/ศึกษาดูงาน/ฝึกปฏิบัติงาน/แลกเปลี่ยนประสบการณ์), การแลกเปลี่ยนทางด้านการข่าว, 
การฝึกร่วม/ผสม ที่จะมีรูปแบบที่หลากหลายและพัฒนาปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละปี, การแลกเปลี่ยนหลักสูตรการฝึกศึกษา, การพัฒนาหลักนิยม และการสนับสนุน
ด้านการส่งกำลังบำรุง เป็นต้น

ทั้งนี้ พล.อ.เจมส์ และคณะจะเยือนประเทศไทยโดยไม่มีการกักตัว 14 วันตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ปกติ เนื่องจาก อยู่ในเงื่อนไขการยกเว้น ของรัฐบาลไทย

“ผบ.ทบ.สหรัฐฯ และคณะที่ไม่ต้องกักตัว 14 วัน นั้น เป็นไปตามข้อกำหนด ฉบับที่ 12 ที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และตามคำสั่ง ศบค. ที่ 7/2563 ได้แก่ ผู้มีเหตุยกเว้นหรือเป็นกรณีที่ นรม. หรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน อนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรได้ตามความจำเป็น โดยอาจกำหนดเงื่อนไข และเงื่อนเวลาก็ได้” เอกสารข่าวระบุ

อย่างไรก็ตาม คณะของ พล.อ.เจมส์ ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขของ ศบค. คือ 1. คณะฯ ขนาดเล็กไม่เกิน 10 คน  2. ใช้เวลาอยู่ในไทยระยะสั้นเพียง 2 วัน 3. มีหนังสือที่รับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry - COE) มีใบรับรองแพทย์สำหรับการเดินทาง (Fit to Fly Health Certificate/Fit to Travel Health Certificate) และมีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคไวรัสโควิด - 19 โดยวิธีการตรวจ RT-PCR ระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง 4. จัดว่าที่ ผชท.ทบ.ไทย/วอชิงตัน เป็นนายทหารติดต่อ (Liaison Officer) และ เจ้าหน้าที่ รปภ. ติดตามคณะฯ ตลอดห้วงระยะเวลาที่อยู่ในไทย 5. มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จาก กระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ติดตามตลอดเวลา และ 6. มีกำหนดการเดินทางและสถานที่จะไปที่แน่นอนชัดเจน และเดินทางด้วยยานพาหนะที่ ทบ. จัดเตรียมไว้

สหรัฐฯ ยินดีช่วยรัฐบาลไทย ยกระดับปัญหาการค้ามนุษย์

ในวันเดียวกัน นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมเบร เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยได้หารือร่วมกัน และสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะให้การช่วยเหลือรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์

“ท่านรองนายกรัฐมนตรีสนใจอย่างยิ่ง ในการยกระดับปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ที่อยู่ในเทียร์ 2 เพื่อขึ้นไปอยู่ เทียร์ 1 ซึ่งสหรัฐฯ ยินดีที่จะสนับสนุนในเรื่องนี้” นายไมเคิล กล่าว

เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2563 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons Report หรือ TIP) ประจำปี 2563 โดยได้จัดประเทศไทยให้อยู่ในกลุ่ม Tier-2 หรือประเทศที่ดำเนินการยังไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำโดยสมบูรณ์ แต่มีความพยายามในการปรับปรุงแก้ไขปัญหาอย่างมีนัยสำคัญ เป็นปีที่สาม หลังจากปรับประเทศไทยขึ้นมาจากกลุ่ม Tier-2 Watch List หรือ กลุ่มประเทศที่กำลังพยายามอย่างมาก ที่จะให้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายของสหรัฐฯ เมื่อปี 2559

ผบ.ทบ. ยืนยัน ไม่มีการตั้งฐานทัพสหรัฐฯ ในไทย

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวแก่สื่อมวลชนในวันพุธนี้ ที่ หน่วยบินเดโชชัย กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง ปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า ไทยอนุญาตให้สหรัฐฯ ตั้งฐานทัพในประเทศไทย

“ไม่มีใครหรอกครับจะมาสร้างฐานอะไร มีแต่ฝากของเนี่ย บอกว่า อีก 2-3 เดือนจะฝึก ความมีน้ำใจของคนไทย ฝากของไม่ใช่ยุทโธปกรณ์ ชอบไปตีความ มันไม่ใช่ข่าว อย่างสร้างความขัดแย้ง แล้วเป็นความขัดแย้งที่ผลลัพธ์จะตกอยู่ประเทศไทย เราเป็นมิตรกับทุกประเทศ เราจัดหายุทโธปกรณ์จากทุกประเทศ เอาแต่สิ่งที่ดีเขามา เพราะฉะนั้นอย่างสร้างประเด็นให้เกิดความขัดแย้งในภูมิภาค” พล.อ.อภิรัชต์ ระบุ

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง