ศาลสืบพยานปากแรกคดีวิสามัญ ชัยภูมิ ป่าแส

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2017.09.05
กรุงเทพฯ
170905-TH-activist-620.jpg กลุ่มชาติพันธุ์ร่วมงานใจแผ่นดินไม่ยอมแพ้ ประสานงานโดยมูลนิธิผสานวัฒนธรรม 9 เมษายน 2560
นนทรัฐ ไผ่เจริญ/เบนาร์นิวส์

วานนี้ ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ไต่สวนการชันสูตรพลิกศพนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ ซึ่งถูกวิสามัญฆาตกรรมโดยเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 โดยมีทหาร 3 นาย ที่ปฎิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุได้ขึ้นให้การแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณด่าน ด้านครอบครัวนายชัยภูมิระบุ ต้องการความยุติธรรม

นายสุมิตรชัย หัตถสาร ทนายความศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น ในฐานะทนายความฝ่ายครอบครัวของนายชัยภูมิ เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ในวันอังคาร (5 กันยายน 2560) นี้ว่า ในการไต่สวนมีทหาร 3 นายขึ้นให้การต่อศาลในคดีหมายเลข ช.19/2560

แต่ยังไม่ชัดเจนว่า จะมีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดหรือไม่ ในห้องพิจารณาคดีมีผู้ร่วมสังเกตการณ์จำนวนมาก ซึ่งเป็นญาติของนายชัยภูมิ เครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ องค์กรสากล เจ้าหน้าที่จากสถานเอกอัครราชทูต เป็นต้น

“วานนี้มีเจ้าหน้าที่ทหารชุดปฎิบัติการในวันนั้นขึ้นให้ศาลไต่สวน 3 คน ซึ่งมีหนึ่งในนั้นที่เป็นคนยิงชัยภูมิ ศาลนัดอีกครั้งในวันที่ 13-15 มีนาคม 2561 โดยพยานที่จะขึ้นให้การ คือ เด็กอีกคนที่อยู่ในรถวันนั้น หมอที่ตรวจที่เกิดเหตุ และพลิกศพ และพนักงานสอบสวน ถ้าไต่สวนเสร็จก็จะสรุปส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่ในข้อหาฆ่า หรือปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ เกินกว่าเหตุหรือไม่” นายสุมิตรชัยระบุ

“คดีนี้เป็นการไต่สวนการชันสูตรพลิกศพ ซึ่งอัยการยื่นคำร้องให้ศาลไต่สวน เมื่อมีการวิสามัญ ตามกฎหมายระบุว่า ต้องมีการชันสูตรพลิกศพโดย 4 ฝ่ายคือ ตำรวจ หมอ อัยการ ฝ่ายปกครอง รวบรวมพยานหลักฐานโดยพนักงานสอบสวน และส่งให้พนักงานอัยการให้ศาลไต่สวน ญาติผู้ตายถ้าไม่พอใจกับผลการสอบสวน มีสิทธิแต่งทนายเข้ามาซักถามพยานในศาลได้ เพื่อจะชี้ว่า ผู้ตายตายยังไง หรือพฤติการณ์การตายเป็นยังไง” นายสุมิตรชัยกล่าว

ขณะที่ นายศักดิ์ดา แสนมี่ จากเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย หนึ่งในผู้สังเกตการณ์การไต่ส่วนคดีนี้ เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า สิ่งที่ญาติ และตนเองกังวลคือ รัฐอาจไม่เปิดเผยหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเชื่อว่า จะเป็นหลักฐานที่สำคัญที่สุดในการระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร

“ยังสงสัยอยู่ว่าจะมีข้อมูลจากกล้องวงจรปิดไหม ถ้ามีหลักฐานนี้ก็จะช่วยให้มีความชัดเจน จะได้เห็นว่า ข้อมูลฝ่ายทหารจะมีความสอดคล้องกับกล้องวงจรปิดไหม ครอบครัวรอฟังความชัดเจนจากศาล แม่เขาก็รอดูว่า ลูกเขาจะได้รับความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน” นายศักดิ์ดากล่าว

“ในห้องพิจารณาคดี ทหารเองคงจะให้ข้อมูลตามที่ได้เตรียมเอาไว้ ทนายของเราก็พยายามที่จะซักถามเพิ่มเติม ผมคิดว่า ต่างทำหน้าที่ อาจต้องซักถามพยานเพื่อให้ได้ความชัดเจนมากกว่านี้ ถึงความไม่เหมาะสมในการกระทำของทหาร ฝ่ายญาติผู้เสียชีวิตก็ต้องช่วยกันเตรียมให้มีข้อมูลพร้อมในการขึ้นศาลให้การ” นายศักดิ์ดากล่าวเพิ่มเติม

ในวันเดียวกัน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการกองทัพบก (ผบ.ทบ.) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนที่กองทัพบกว่า กองทัพบักจะไม่ปกป้องเจ้าหน้าที่ทหารที่กระทำผิดไม่ว่ากรณีใดๆ โดยระบุว่าเฉพาะปี 2560 กองทัพบก ปลดนายทหารชั้นสัญญาบัตรแล้ว 8 นาย และทหารระดับนายสิบ 126 นาย เนื่องจากกระทำผิด

“ทุกครั้งที่ประชุมผมจะย้ำเรื่องนี้เสมอ ผมไม่ได้เลี้ยงใครไว้ ถ้าผิดก็ผิด ไม่มีความจำเป็นที่ผมต้องไปช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำความผิด เพราะเวลานี้เมื่อเปิดสมัครสอบต้องการทหาร 20 คน แต่มีผู้มาสมัครถึง 5,000 คน ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องไปเลี้ยง หรือช่วยเหลือกัน ยืนยันตามกรอบ ผมก็พยายามเต็มที่ แต่คนหมู่มากก็อาจจะมีบ้าง” พล.อ.เฉลิมชัยกล่าว

นายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ อายุ 17 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 โดยเจ้าหน้าที่ทหารให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า ได้ขอตรวจค้นรถยนต์ที่มี นายพงศ์นัย แสงตะล้า เป็นผู้ขับ และนายชัยภูมิเป็นผู้โดยสาร เพื่อตรวจหายาเสพติด แต่นายชัยภูมิได้พยายามขัดขืนการจับกุม ใช้มีดต่อสู้ และพยายามใช้ระเบิดขว้างใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตัว จนเป็นเหตุให้นายชัยภูมิเสียชีวิต

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมนายพงศ์นัย แสงตะล้า อายุ 19 ปี พยานผู้อยู่ในเหตุการณ์เพียงคนเดียวเป็นผู้ต้องหา โดยเบื้องต้นนายพงศ์นัยให้การปฏิเสธไม่รู้เห็นกับยาบ้า 2,800 เม็ด ที่ซุกซ่อนอยู่ในที่กรองอากาศของรถยนต์ที่ขับมา

การเสียชีวิตของนายชัยภูมิครั้งนี้ ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ เนื่องจาก นายชัยภูมิเป็นนักกิจกรรมที่เรียกร้องสิทธิให้กับประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ และต่อต้านยาเสพติดมาโดยตลอด และเจ้าหน้าที่รัฐเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตครั้งนี้ไม่มากเท่าที่ควร

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง