“กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ย้ำจะจัดการรณรงค์เลือกตั้งท้ายเดือนกุมภาพันธ์

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2018.02.12
กรุงเทพฯ
180212-TH-demonstrators-1000.jpg กลุ่มนักกิจกรรมรวมตัวชุมนุม โดยแกนนำถือกล่องบัตรลงคะแนนที่ทำขึ้นมา เพื่อเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรุงเทพฯ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561
เอเอฟพี

นายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ยืนยันเดินหน้าจัดกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตยอีกครั้งปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยย้ำว่าสิ่งที่ทำอยู่ เพื่อสร้างชาติใหม่ที่มีความเท่าเทียมกัน ในขณะที่หัวหน้าศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะต้องเผชิญการต่อต้านมากขึ้น

แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย รวม 4 คน คือ นายรังสิมันต์ โรม นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นายอานนท์ นำภา และ นายเอกชัย หงส์กังวาน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวภายหลังการจัดกิจกรรมนัดรวมตัวผู้ต้องการการเลือกตั้งและต่อต้านรัฐบาล คสช. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมีผู้ร่วมชุมนุมจากทั้งในกรุงเทพฯ และจากต่างจังหวัด เข้าร่วมกว่า 300 คน แต่ไม่ถูกตั้งข้อหาใหม่และยังได้รับการประกันตัวในคดีเก่าออกมาเมื่อคืนวันอาทิตย์นี้

“สิ่งที่ผมทำอยู่เป็นการทำเพื่อประเทศชาติ หลังจากวิกฤติทางการเมืองที่ทำให้คนแตกแยก ทำให้ทหารใช้วิกฤตินี้เข้าสู่ระบอบการเมือง แต่จริงๆ แล้วทหารทำให้เกิดวิกฤติ ทำให้เราต้องต่อสู้ต่อไป” นายรังสิมันต์ ให้สัมภาษณ์กับเบนานิวส์ทางโทรศัพท์ในวันนี้

“เราต้องตัดสินใจขึ้นมาทำสิ่งนี้ คือการสร้างชาติกันใหม่อีกครั้ง ให้มีความเท่าเทียมกัน เพื่อพวกเราทุกคน ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง... สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เรามีความหวัง ผมเองมีความหวัง ว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้” นายรังสิมันต์ กล่าวเพิ่มเติม

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายรังสิมันต์ ได้ถูกอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีเก่าข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 กรณีจัดกิจกรรม 'พูดเพื่อเสรีภาพ' เพื่อรณรงค์เรื่องประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2559 และถูกนำตัวไปยังพื้นที่เกิดเหตุ คือ จังหวัดขอนแก่น ต่อมาได้ประกันในวงเงิน 10,000 บาท พร้อมนัดส่งตัวให้อัยการทหารในวันที่ 23 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่ศาลทหารขอนแก่น นัดตรวจพยานซึ่งคดีนี้มีจำเลยจำนวน 8 คน อยู่ในกระบวนการของศาลแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ศกนี้ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย และผู้ร่วมกิจกรรมรวม 39 ราย ได้จัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อการเลือกตั้งมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน ซึ่งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน แจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116  ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558  และข้อหาชุมนุมห่างจากเขตพระราชฐานไม่ถึง 150 เมตร ตามมาตรา 7 ของพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ

ในขณะนี้ มีอยู่ 37 ราย ที่รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ โดยได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและได้รับการประกันตัวไปในวงเงินคนละ 100,000 บาท โดยให้มารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 20 กุมภาพันธ์

หลังเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักการเมือง รวมถึงเครือข่ายประชาธิปไตยในมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศออกแถลงการณ์สนุบสนุน โดยเฉพาะกลุ่มแนวร่วมคนอยากเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่นัดรวมตัวกันในวันที่ 14 กุมภาพันธ์

ซึ่ง น.ส.เยาวลักษณ์ อนุพันธ์ หัวหน้าศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ให้ทรรศนะกับเบนาร์นิวส์ว่า ในปีที่สี่การยึดครองอำนาจของ คสช. นี้ จะต้องเผชิญกับการต่อต้านมากยิ่งขึ้น

“แต่ปีนี้ ปีที่ 4 ของ คสช. เชื่อว่าจะมีการเคลื่อนของหลายกลุ่ม ฉะนั้น มันมีการขยับของภาคประชาสังคม เรารับรู้ว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปติดตามพูดคุยกับคนที่ร่วมรณรงค์ ในการแถลงข่าว” น.ส.เยาวลักษณ์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์ ว่า รู้สึกดีใจที่มีคนออกมาสู้เคียงข้าง ทำให้มีความหวังว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง และขณะนี้กำลังปรึกษากับกลุ่มนักกิจกรรมจะจัดกิจกรรมขึ้นอีกครั้งประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยจะประกาศวัดนัดรวมตัวและรูปแบบอีกครั้ง

บิ๊กตู่ย้ำ ไม่จำกัดสิทธิเสรีภาพ แต่ต้องไม่ละเมิดกฎหมาย

ในวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาเนื่องในวันสิทธิมนุษยชนสากล โดยได้ประกาศยกระดับสิทธิมนุษยชนให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อสนุบสนุนการพัฒนาประเทศไม่ใช่เพื่อความขัดแย้งหรือสร้างความเหลื่อมล้ำ

ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ประเทศไทยยังมีปัญหาอยู่ โดยเฉพาะทางการเมือง ยังมีการทำผิดกฎหมายเพราะหวังผลทางการเมือง ที่ผ่านมาการเมืองไทยก็ความขัดแย้งอยู่บ้างแต่ไม่รุนแรงเหมือนขณะนี้ รัฐบาลนี้เข้ามาเพื่อแก้ปัญหา อย่างไรก็ตามขอให้คำนึงถึงกฎหมายพร้อมกับเรื่องสิทธิมนุษยชน

“รัฐบาลนี้ยืนยันที่จะผ่อนคลาย ทำทุกอย่างไปสู่ความสงบเรียบร้อยให้มากที่สุด เพื่อไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืนและเป็นสากล ผมหวังว่าทุกภาคส่วนจะนำกรอบนโยบายวาระแห่งชาตินี้ ไปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและบูรณาการร่วมกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง