เกิดเหตุระเบิดในยะลา ชุดทหารพรานลาดตระเวนได้รับบาดเจ็บ 6 นาย

นาซือเราะ
2015.09.14
TH-attack-620 เจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยกู้ภัย ตรวจสอบที่เกิดเหตุระเบิดรถลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 4307 ในเขตอำเภอเมืองยะลา วันที่ 14 กันยายน 2558
(เบนาร์นิวส์)

ในตอนบ่ายของวันจันทร์ที่ 14 ก.ย. 2558 นี้ ได้เกิดเหตุระเบิดยานยนต์หุ้มเกราะลาดตระเวน ของกองร้อยทหารพรานที่ 4307 บนถนนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดยะลา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บรวม 6 ราย

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ รายงานว่า ขณะเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4307 ซึ่งเป็นชุดรักษาความปลอดภัย ได้ขับรถยนต์กระบะหุ้มเกราะที่ผลิตโดยคณะวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงกลาโหม มาถึงจุดกลับรถที่ถนนสาย 418 หน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. ในเขตหมู่ที่ 4 ตำบลท่าสาป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ในเวลาประมาณบ่ายโมง ก็ได้มีเหตุระเบิดเกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่เชื่อคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังการวางระเบิดครั้งนี้ คือ กลุ่มขบวนการก่อเหตุความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

ส่วนรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย มีดังนี้ 1. อส.ทพ. วีระชัย สุขศรี 2. ส.อ.สุชาติ รอดภักดี 3. อส.ทพ. ขจรศักษ์ ศรีษะน้อย 4. อส.ทพ.นัดโอต จิตรเนียม 5. อส.ทพ.ทวี ยอดระบำ และ 6. อส.ทพ. ยงยุทธ อาจปรุ ทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา มีอาการอยู่ในขั้นปลอดภัย

ราษฎรถูกยิงบาดเจ็บสองราย ที่ปัตตานี และ นราธิวาส

ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบยิงชาวบ้าน ที่บริเวณบ้านแหลมนก ต. บานา อ. เมือง จ. ปัตตานี โดยนายอดินันท์ สีเด้ะ อายุ 17 ปี ถูกยิงบริเวณลำตัวได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลเมืองปัตตานี จากการสอบสวนทราบว่าในระหว่างที่นายอดินันท์ กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางกลับบ้านพัก ได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนพกสั้น ยิงใส่จนบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนและสืบสวนโดยเจ้าหน้าที่

และเวลา 17.00 น. เช่นเดียวกัน ได้เกิดเหตุคนร้ายลอบยิง น.ส. อัญชสา ฟองสุวรรณ ที่หน้ามัสยิดบ้านแกแม ม. 9 ต. ตันหยงมัส อ. ระแงะ จ. นราธิวาส โดยกระสุนถูกที่ลำตัวของ น.ส. อัญชสา ซึ่งได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลระแงะ จ.นราธิวาส จากการสอบสวนทราบว่าเหตุเกิดขณะที่ น.ส.อัญชสา นั่งรถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางกลับบ้านพัก ในระหว่างทางได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงใส่ และก่อนหลบหนีไป คนร้ายได้นำรถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บหลบหนีไปด้วย ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้น ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนและสืบสวน
ของเจ้าหน้าที่

ทหารควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย วางระเบิดทหาร และเด็กนักเรียนโรงเรียนมูลนิธิสันติวิทยา

ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดชุดคุ้มครองครู โรงเรียนมูลนิธิสันติวิทยา ในอำเภอยะรัง ในวันศุกร์ที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา จนทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 ราย และนักเรียนหญิงถูกลูกหลงบาดเจ็บอีก 5 ราย ในวันจันทร์นี้เจ้าหน้าที่ทหารได้เปิดเผยว่าสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย ได้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 12 ที่ผ่านมา หนึ่งราย ทราบชื่อคือ นายอามีซี เฮ็งปิยา

โดยในวันนี้ ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เจ้าหน้าที่ทหารพราน ได้นำตัว นายอามีซี เฮ็งปิยา อายุ 28 ปี ไปสอบสวนเพิ่มเติม หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิด เจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อยทหารพรานที่ 2216 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ในขณะรักษาความปลอดภัยครู และนักเรียนหญิงอีก 5 ราย จากโรงเรียนมูลนิธิสันติวิทยา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณบ้านพงสตา ม. 5 ต. ยะรัง อ. ยะรัง จ. ปัตตานี

พ.อ.ณรงค์ วิชญาณวรวุฒิ ผบ.ฉก.ทพ. 22 กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายอามีซี ในวันที่ 12 ก.ย. 2558 หลังจากกำลังสามฝ่ายเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 112  บ้านต้นทุเรียน ม.6 ต. ยะรัง จ.ปัตตานี โดยอาศัยอำนาจตาม พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก และส่งตัวไปซักถามที่หน่วยเฉพาะกิจ ทหารพรานที่ 43

จากนั้น ในวันที่ 13 ก.ย. 2558  เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจ ทหารพรานที่ 22 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจยะรัง และฝ่ายปกครอง นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านของนายอามีซี เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม ได้พบเครื่องมือทำความสะอาดปืนจำนวน 3 ชุด จึงนำไปขยายผลต่อไป

เหตุรุนแรงยังคงเกิดขึ้นหลังการพูดคุยสันติสุขอย่างไม่เป็นทางการในมาเลเซีย

เหตุการณ์ที่รายงานมาข้างต้น รวมทั้งเหตุการณ์ยิงโต๊ะอิหม่ามเสียชีวิต ที่อำเภอสายบุรี ปัตตานี ในวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมา นับเป็นส่วนหนึ่งของเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น ภายหลังการเปิดตัวของ องค์กรเจรจา มาราปาตานี MARA Patani ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง