ตำรวจ-อาสาสมัคร รวมสิบรายบาดเจ็บ ในเหตุระเบิดสองแห่ง

ในวันพุธ (20 เมษายน 2559) นี้ ได้เกิดเหตุระเบิดสองเหตุการณ์ ในจังหวัดปัตตานี และนราธิวาส เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครได้รับบาดเจ็บรวมสิบนาย นับเป็นเหตุที่สร้างความเสียหายแก่ชีวิตจำนวนมาก เป็นครั้งที่สาม ในรอบสองสัปดาห์นี้

ในเหตุการณ์แรก ผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ ได้จุดระเบิดโจมตีรถยนต์ชุดลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณบนถนนสายปัตตานี-ยะลา ม.7 ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย ทราบชื่อคือ 1. ร.ต.ท.ธวัช ชูไกรไตย 2. ร.ต.ท.ถาวร ย้อยคุณา 3. ร.ต.ท.สมนึก ด้วงเสน 4. จ.ส.ต.ชาญชัย ทองจิ้น และ 5. จ.ส.ต.ชฎิล นราจร ทั้งหมดมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ถูกนำส่งโรงพยาบาลเมืองปัตตานี

เหตุการณ์ที่สอง คนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน ประจำอำเภอตากใบ ในขณะขับรถยนต์กลับจากรักษาความปลอดภัยหน่วยเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน เหตุเกิดที่ หมู่ 1 ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย ทราบชื่อ คือ 1. อส.สมาน สาแม ขาขาด 2. อส.อิมรอน เจ๊ะหะ 3. อส.ธนิกุล สุขเพชร 4. อส.โยธิน สุขศรี 5. อส.สนั่น แก่นแดง ทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาลตากใบ จังหวัดนราธิวาส เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่

ในก่อนหน้านี้ ได้มีเหตุการณ์ระเบิดที่สถานีรถไฟจะนะ จังหวัดสงขลา และร้านขายของชำในอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ในสองเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้ นอกจากจะมีผู้เสียชีวิตที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ใหญ่แล้ว ยังมีเด็กอายุ 4 ขวบ เสียชีวิต และเด็กอายุ 11 ขวบ ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย

พันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า ปัจจัยที่เร่งให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่มี 2 ปัจจัยหลัก กับ 1 ปัจจัยรอง คือ 1. เจ้าหน้าที่สามารถขับเคลื่อนนโยบาย ที่สามารถทำให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น 2. หลังจากศาลแพ่งยึดที่ดินโรงเรียนปอเนาะญีฮาด ทำให้บางกลุ่มพยายามบิดเบือนและสร้างกระแส ส่วนปัจจัยรอง คือ การพูดคุยเพื่อสันติสุข มีความคืบหน้า มีการพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น

“การพูดคุยยังเดินหน้าต่อไปได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าความรุนแรงจะไม่มี สิ่งที่เราเห็นได้ตอนนี้ ประชาชนทุกคนไม่ต้องการความรุนแรง กล้าออกมาแสดงจุดยืน ประกอบกับนโยบายของรัฐต้องยุติความรุนแรง เป้าหมายตรงกัน” พันเอกปราโมทย์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติประณามผู้ก่อเหตุ

ในวันนี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำความรุนแรง ไร้มนุษยธรรมต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมุ่งทำลายให้เกิดการบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากกรณีการลอบวางระเบิด บริเวณด้านหลังสถานีรถไฟบ้านตาแปด และหน้าร้านขายของชำ ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 14 ราย ในจำนวนนี้ มีเด็กชายอายุ 11 ปี รวมอยู่ด้วย ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ทางสื่อมวลชนนั้น

นายชาติชาย สุทธิกลม กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีความกังวลต่อสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้ติดตามตรวจสอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดมา

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ความรุนแรงที่สร้างผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วยวัตถุระเบิด จึงขอประณามต่อผู้กระทำความรุนแรง ในพื้นที่สาธารณะ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างเช่นนี้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงโหดร้าย และไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวน หาผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย” นายชาติชาย กล่าว

ด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า “เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นหลายครั้งในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน เป็นการสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน จึงขอให้รัฐเร่งสร้างความมั่นใจ ในความปลอดภัยให้แก่ประชาชน โดยเปิดโอกาสให้ภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมในการเสนอแนะทางแก้ปัญหา และเร่งให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้ที่ได้รับความเสียหายอย่างเป็นธรรม”