ศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช. แจงตัวเลขผู้ต้องสงสัย และจำนวนหมายจับ

ภิมุข รักขนาม
2015.09.03
TH-bomb-620 นักท่องเที่ยวต่างชาติ สักการะท้าวมหาพรหม ที่กำลังได้รับการบูรณะ จากความเสียหายจากสะเก็ดระเบิด 1 กันยาน 2558
เบนาร์นิวส์

ศูนย์ติดตามสถานการณ์ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้แถลงข่าวในวันพฤหัสบดีนี้ว่า ได้มีการจับตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว 2 ราย และออกหมายจับกุมผู้ต้องสงสัยอีกรวม 8 ราย เป็นชาวต่างชาติ 7 ราย และคนไทยหนึ่งราย

“ทีมสอบสวนได้สอบสวนผู้ต้องสงสัยสองรายที่ถูกควบคุมตัวไว้ คือ นาย Adem Karadag ที่ถูกจับได้ที่พูลอนันต์อพาร์ทเมนท์ เขตหนอกจอก ในวันที่ 29 สิงหาคม และนาย Yusufu Mieraili ที่ถูกจับได้ที่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ในวันที่ 1 กันยายน” ร้อยตรีหญิงปริยา เนตรวิเชียร อ่านรายงานเป็นภาษาอังกฤษ

“จากผลการสืบสวนสอบสวนผู้ต้องสงสัย คำให้การของพยาน และหลักฐานทางซีซีทีวี ได้มีการออกหมายจับรวม 8 ราย” ร.ต. ปริยา กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งแปดรายมีข้อมูลดังนี้  ผู้ชายใส่เสื้อเหลืองที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ราชประสงค์  ผู้ชายใส่เสื้อสีฟ้าที่อาจจะมีส่วนในเหตุการณ์ที่ท่าเรือสาทร ชายต่างชาติ 3 คน ที่อาจจะมีส่วนในการครอบครองวัตถุระเบิดที่พูลอนันต์อพาร์ทเมนท์ ในเขตหนองจอก ชายต่างชาติที่อาจจะมีส่วนในการครอบครองวัตถุระเบิดที่ไมมูณาการ์เด้น ในเขตมีนบุรี นางวรรณา สวนสัน ผู้เซ็นสัญญาเช่าห้องที่ ไมมูณาการ์เด้น และรายที่แปด สามีของนางวรรณา ชื่อว่า นาย Emrah Davutoglu

ตุรกีขอให้มีการตรวจสอบสัญชาติผู้ต้องสงสัยให้ชัดเจน

ในวันที่ 27 สิงหาคม สถานทูตตุรกี ในประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ทางเว็บไซต์ ว่า ประเทศตุรกีได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อกระทรวงการต่างประเทศไทย และได้ประณามเหตุก่อการร้าย พร้อมทั้งได้กล่าวย้ำว่า ประเทศตุรกีจะยืนหยัดต่อสู้กับการก่อการร้าย

อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางรายงานข่าวที่ว่ามีชาวตุรกี มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิด กระทรวงต่างประเทศตุรกี ได้แถลงในวันที่ 2 กันยายน และทางสถานทูตตุรกีได้นำมาเผยแพร่ทางเว็บไซต์ในวันนี้ว่า กระทรวงการต่างประเทศของตุรกี ได้รับทราบถึงเหตุการณ์ระเบิด ในวันที่ 17 สิงหาคม รวมทั้ง การจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยสองราย แต่รายงานข่าวของไทยหลายฉบับได้กล่าวว่าหนึ่งในสองผู้ต้องหามีสัญชาติตุรกี ซึ่งทางกระทรวงเองได้กล่าวว่า เมื่อพิจารณาดูด้วยตาก็สามารถบอกได้ว่าเป็นพาสปอร์ตปลอม และได้เรียกร้องให้ทางการไทยสร้างความชัดเจนในการตรวจสอบสัญชาติของผู้ต้องสงสัยให้ชัดเจน

ในเรื่องนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวที่สโมสรทหารบก ว่าประเทศที่ผู้ต้องสงสัยกล่าวอ้างว่าตนเป็นคนสัญชาตินั้น ต้องมาตรวจสอบ

“ผมไม่เคยพูดว่าเป็นคนชาติไหน การจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวกับราชประสงค์ ก็ดูตามพาสปอร์ต ต้องพิสูจน์สัญชาติก่อน ประเทศต้นทางต้องมาตรวจสอบว่าใช่หรือไม่” พลเอกประยุทธ์

นอกจากนั้น พลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า  พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เดินทางเยือนประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสครบรอบการชนะสงครามโลกครั้งที่สองเหนือประเทศญี่ปุ่นครบรอบ 70 ปี กล่าวว่า พลเอกประวิตร จะไม่คุยกับทางการจีนในเรื่องอุยกูร์ หากว่าทางประเทศจีนไม่เริ่มต้นก่อน และย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เกียวกับจีน เป็นปัญหาของบ้านเรา

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง