ศาลอนุมัติหมายจับสามผู้ต้องสงสัยเหตุระเบิด-วางเพลิง

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2016.08.16
นครศรีธรรมราช
TH-bomb-folo-800 เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังพื้นที่ หลังเกิดเหตุระเบิด ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 12 สิงหาคม 2559
สมชาย ขวัญกิจเศวต/เบนาร์นิวส์

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวในวันอังคาร (16 สิงหาคม 2559) นี้ว่า ศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องสงสัยในคดีวางระเบิดและวางเพลิงต่อเนื่องในหลาย พื้นที่ของภาคใต้ เพิ่มอีกสามราย

พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ได้เดินทางลงมายังจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามคดีเผาห้างโลตัสด้วยตนเอง และยังได้ไปที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 41 เพื่อยื่นขออนุมัติหมายจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดที่หาดป่าตอง ในภูเก็ต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ส.ค. อีกด้วย

ซึ่งผู้ต้องหาในคดีนี้ คือนายอาหามะ เลงฮะ ชาวตำบลเกาะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยมีหลักฐานสำคัญ คือ ดีเอ็นเอที่ปรากฎบนหลักฐานชิ้นส่วนระเบิด ในจังหวัดภูเก็ต ตรงกันกับการก่อเหตุหลายครั้งในอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส

“วันนี้ ได้นำหลักฐานเพื่อนำไปยื่นต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 41 จังหวัดนครศรีธรรมราช ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเป็นชายหนึ่งราย ที่หลักฐานปรากฏชัดว่าก่อเหตุวางระเบิดในพื้นที่ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม” พลตำรวจเอกศรีวราห์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

“โดยพยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุ เมื่อนำไปตรวจเก็บสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ พบว่าตรงกับผู้ต้องหาที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 จากการสืบสวนเชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้คือ กุญแจสำคัญที่จะสาวถึงเครือข่ายรายอื่นๆได้” พลตำรวจเอกศรีวราห์ กล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนั้น ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาอีกสองราย ในคดีเผาห้างโลตัส ในนครศรีธรรมราช โดยอนุมัติตามรูปพรรณที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนที่เชี่ยวชาญการสืบสวนด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร และภาพกล้องวงจรปิดจากกองกำกับการ 3 กองปราบปราม และกองบังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 8 ได้เข้าสืบสวนขยายผลพบว่า มีผู้ที่มีความเชื่อมโยงอยู่ในข่ายต้องสงสัยมากกว่า 20 ราย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดเผยชื่อของผู้ต้องสงสัยทั้งสองรายนี้ แต่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนในคดี กล่าวว่า ในช่วงกลางดึกของวันที่ 12 สิงหาคม ผู้ต้องสงสัยทั้งสองได้เดินทางไปยังสถานีขนส่งหาดใหญ่ ในจังหวัดสงขลา ก่อนเดินทางต่อไปยังสามจังหวัดชายแดนใต้

ในกรณีของนายศักรินทร์ คฤหัสถ์ ชาวอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นมือเพลิงก่อเหตุที่ห้างโลตัสที่อยู่ในการควบคุมตัวของ เจ้าหน้าที่ทหาร ที่มณฑลทหารบกที่ 41 ตามมาตรา 44 ตั้งแต่เสาร์ที่ผ่านมานั้น ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปยังกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในกรุงเทพมหานคร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป

“หลังจากที่ทหารส่งตัวนายศักรินทร์มานั้น ตำรวจจะรับตัวต่อดำเนินการไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งจะว่าไปตามหลักฐานพยาน จะฟ้องหรือไม่ฟ้องต้องว่ากันไปอีกเรื่อง” พลตำรวจเอกศรีวราห์ กล่าว

“ยืนยันว่าการทำสำนวน ออกหมายจับ ดำเนินคดีกับใครก็ตามจะทำตามพยานหลักฐานที่ต้องชัดเจน เป็นธรรม ไม่มีการกลั่นแกล้ง โดยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หากรายใดที่พบว่าไม่มีความผิด ไม่มีหลักฐานตามที่ตั้งข้อหาในตอนแรก ก็สามารถสั่งไม่ฟ้องในภายหลังได้” พลตำรวจเอกศรีวราห์ กล่าวเพิ่มเติม

ทางด้าน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า สาเหตุของเหตุการณ์ระเบิดในสถานที่ตากอากาศและการวางเพลิงในหลายจังหวัดของภาคใต้ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 36 ราย เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น น่าจะมาจากการขยายพื้นที่ปฏิบัติการของบีอาร์เอ็น

“เชื่อว่าประเด็นการขยายพื้นที่ปฏิบัติการของบีอาร์เอ็น มีน้ำหนักมากกว่าเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง มันมีร่องรอยการข่าวอยู่ จะเห็นได้ว่าก่อนเกิดเหตุ มาเลเซียมีปฏิบัติการซีลแนวชายแดนตลอดแนว ในทางความมั่นคงก็พอจะรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น” พล.ท.ภราดร กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวในกรุงเทพ

“แม้เขาไม่ได้ประสานเราตรงๆ เมื่อเกิดระเบิดและมีการตรวจพบหลักฐานว่า โทรศัพท์มือถือที่คนร้ายใช้ในการจุดระเบิดถูกส่งมาจากประเทศมาเลเซียทั้งหมด สมมติฐานมันก็ยิ่งชัด” พล.ท.ภราดร กล่าวเพิ่มเติม

“เรื่องนี้เป็นผลต่อเนื่องกัน เป็นสิ่งที่ทางบีอาร์เอ็นเตรียมการไว้แล้ว เพราะการวางระเบิดแบบนี้ ต้องใช้เวลาเตรียมการ เตรียมคน ฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องทางการเมือง หรือกลุ่มการเมืองจะไปทำได้ เนื่องจากเพิ่งรู้ผลประชามติเพียงสองสามวัน ถ้าไม่มีกลุ่มที่มีความพร้อมมากพอ ไม่สามารถทำแบบนี้ได้เลย”

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง