ศาลระนองนัดสืบพยาน ไต้ก๋งเรือคดีค้ามนุษย์ 11 แรงงานกัมพูชา
2016.05.26
กรุงเทพฯ

ในวันพฤหัสบดี (26 พฤษภาคม 2559) นี้ ศาลจังหวัดระนองนัดสืบพยานในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเรืองชัย ผิวงาม ไต้ก๋งเรือประมง ก.นาวามงคลชัย 1 ในข้อหาค้ามนุษย์ ซึ่งมีผู้เสียหายเป็นลูกเรือชาวกัมพูชาจำนวน 11 คน โดยชี้ว่าจำเลยมีพฤติกรรมหลอกลวง กักขัง ข่มขู่ และทำร้ายร่างกายเหยื่อ
ในการยื่นฟ้องของอัยการระบุว่า นายเรืองชัย ผิวงาม จำเลยได้ร่วมมือกับนายสมชาย เจตนาพรสำราญ และพวกอีกสองคนที่หลบหนีไปได้ ร่วมกันหลอกลวงชาวกัมพูชา จำนวน 11 ราย ให้มายังประเทศไทย และกักขัง บังคับ และข่มขู่ ผู้เสียหายให้อยู่บนเรือประมงชื่อ “ก.นาวามงคลชัย 1” ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 ถึงวันที่ 22 มกราคม 2559 ซึ่งถือเป็นการแสวงหาประโยชน์จากแรงงานโดยมิชอบ และจำเลยยังได้ยึดหนังสือเดินทางของแรงงานทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เสียหายสามารถหลบหนีออกมาได้ ซึ่งถือเป็นความผิดในข้อหาการค้ามนุษย์
โดยศาลจังหวัดระนองได้รับฟ้องคดีดังกล่าวเอาไว้ ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 และได้สืบพยานในวันที่ 12 และ 26 พฤษภาคม 2559
นายปภพ เสียมหาญ ผู้ประสานงานโครงการต่อต้านการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือผู้เสียหายเปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า การสืบพยานในวันนี้ พยานฝ่ายโจกท์ 2 คนได้ให้การเปิดเผยรายละเอียดการทำงานบนเรือประมงโดยระบุว่า ลูกเรือโดนบังคับให้ทำงานถึงวันละ 22 ชั่วโมง จนมีแรงงานบางรายทนไม่ไหว ถึงขั้นกระโดดน้ำหนีออกจากเรือ
“ทุกคนที่เป็นผู้เสียหายเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะมาทำงานบนเรือประมง เพราะนายหน้าบอกว่า จะให้มาทำงานบนแพปลา ทำงานตัดหัวปลาเท่านั้น แต่ปรากฎว่าข้อเท็จจริง ทุกคนถูกส่งไปบนเรือประมง ก็เท่ากับว่าทุกคนถูกบังคับไปโดยปริยาย ให้ทำงาน 22 ชั่วโมง ใครที่ทำงานไม่ไหวก็จะถูกทุบตีโดยไต้ก๋ง หรือใครที่ไม่ยอมตื่น ก็จะเอาน้ำสาด” นายปภพกล่าว
“อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือประเด็นค่าจ้าง ที่ทุกคนทำงานมาตลอด 13 เดือน แต่ไม่ได้รับค่าจ้างเลย ซึ่งเคยมีการตกลงกันไว้ว่า จะมีการจ่ายค่าจ้าง” นายปภพเพิ่มเติม
นายปภพ กล่าวอีกว่า จากการให้การของพยาน และข้อมูลที่มูลนิธิได้รับทำให้ทราบว่า เรือประมง ก.นาวามงคลชัย 1 มีลูกเรือประมาณ 26-30 คน ซึ่งมีทั้งลูกเรือชาวไทยและชาวกัมพูชา (ตัวเลขลูกเรือมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากมีแรงงานไทยบางรายกระโดดน้ำหนีจากเรือ) โดยมีนายหน้าชาวกัมพูชาชื่อ นายนาง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการหลบหนีการจับกุม เป็นผู้นำพาลูกเรือกัมพูชา
สำหรับกระบวนการขั้นตอนต่อไป ศาลจะนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 6 มิถุนาคม และนัดสืบพยานอีกครั้งในวันที่ 17-18 สิงหาคม 2559
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดระนอง ได้เข้าตรวจสอบเรือประมงซึ่งจอดอยู่ที่ท่าเรือเอกชนใน ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง หลังจากที่ได้รับแจ้งเบาะแสว่า มีการบังคับใช้แรงงาน และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์
ซึ่งหลังจากการตรวจสอบพบว่า มีการกระทำผิดตามลักษณะที่ได้รับการแจ้งจริง บนเรือประมง ก.นาวามงคลชัย 1 โดยสามารถช่วยเหลือลูกเรือผู้เสียหาย ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาได้ 11 คน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คือ ไต้ก๋ง และออกหมายจับเจ้าของเรือลำดังกล่าว ขณะที่ส่งต่อแรงงานผู้เสียหายทั้งหมดให้กับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์เป็นผู้ดูแล