ผู้ก่อเหตุรุนแรงชายแดนใต้ วางระเบิดทหารพรานตาย 2 เจ็บ 3
2020.08.13
ปัตตานี และนราธิวาส

เจ้าหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งเป็นวันเปิดเทอมวันแรกได้เกิดเหตุการณ์วางระเบิดชุดคุ้มครองครูนักเรียนสองจุด ในจังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้อาสาสมัครทหารพรานเสียชีวิตรวม 2 นาย และบาดเจ็บอีก 3 นาย
เมื่อเวลา 08.10 น. พ.ต.ท.วสัน รักชาติพานิช สวญ.สภ.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณทางเข้าบ้านปะกาลือสง ม. 6 ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แรงระเบิดส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย. ทพ.4305 ฉก.43 ได้เสียชีวิต 1 นาย ทราบชื่อ คือ อส.ทพ.เอ็มลุกมาน หะยีสะแม อายุ 23 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณลำคอด้านซ้าย ที่สะโพกด้านซ้าย ตาด้านขวา นิ้วชี้ซ้ายขาด ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
และจากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย. ทพ. 4305 ฉก.43 จำนวน 12 นาย ลาดตระเวนด้วยเท้า เพื่อดูแลความปลอดภัยครูตามเส้นทาง โดยเว้นระยะห่างช่วงตัวประมาณ 10 เมตร เพื่อความปลอดภัย ปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวจะมาถึงจุดเกิดเหตุ กลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน ได้กดส่งสัญญาณวิทยุสื่อสารเพื่อจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่บรรจุในถังแก๊สปิคนิค ที่นำมาวางบริเวณริมถนนโดยนำเอาเศษขยะมาทับไว้เพื่อพรางตา
“แรงระเบิดโดน อส.ทพ.เอ็มลุกมาน ซึ่งอยู่ใกล้จุดระเบิดพอดี ทำให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนสาเหตุ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ที่ต้องการก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อสร้างสถานการณ์” พ.ต.ท.วสัน รักชาติพานิช กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
จากนั้น เมื่อเวลา 08.45 น. พ.ต.ท.วรพล สุขแก้ว สารวัตรสอบสวน สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส กล่าวว่า ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดลาดตระเวนเส้นทาง รปภ.ครู สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4508 กรมทหารพรานที่ 45 ที่บริเวณคอสะพานบ้านกาลิซา ม.2 ต.กาลิซา ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 3 นาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กมล ณ นรงค์ ผกก.สภ.ระแงะ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งพบว่าเพื่อนทหารได้ส่งตัวผู้ได้รับบาดเจ็บไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลระแงะ ไปก่อนหน้าแล้ว
พ.ต.ท.วรพล กล่าวว่า ผู้เสียชีวิต คือ ส.ท.บึงกาฬ หารสาร อายุ 32 ปี หัวหน้าชุด ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดจนขาทั้ง 2 ข้างขาด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 นาย ประกอบด้วย 1. อส.ทพ.ฐิติพงษ์ ยอดทอง อายุ 23 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดขาซ้ายหัก 2. อส.ทพ.รุสมาน นาเดวี อายุ 32 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่สะโพกขวา และ 3. อส.ทพ.ยงยุทธ์ ทิพย์พาหล ถูกอานุภาพของระเบิด มีอาการแน่นหน้าอกและหูอื้อ หลังจากแพทย์ทำการปฐมพยาบาลในเบื้องต้น จากนั้นได้ส่งตัว อส.ทพ.ฐิติพงษ์ ยอดทอง และ อส.ทพ.รุสมาน นาเดวี ที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ส.ท.บึงกาฬ หารสาร หน.ชุด ได้นำกำลังรวม 7 นาย เดินเท้าตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางให้กับคณะครู โรงเรียนบ้านกาลิซา เมื่อแล้วเสร็จได้นำกำลังเดินเท้าเพื่อกลับฐาน เมื่อถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้ลอบนำระเบิดแสวงเครื่องที่บรรจุใส่ไว้ในกระสอบปุ๋ย ไปวางไว้แบบเร่งด่วนที่บริเวณราวเหล็กคอสะพาน จากนั้นคนร้ายได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดขึ้น
เจ้าหน้าที่ในพื้นที่คาดว่าเหตุระเบิดครั้งนี้ เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มนายอารง ดือราโพ และนายอารีย๊ะ เจ๊ะเต๊ะ 2 แกนนำระดับปฏิบัติการที่รับผิดชอบการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ดังกล่าว
พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการำรวจภูธรภาค 9 กล่าวว่า เหตุการณ์ทั้งที่ จ.ปัตตานี และจ.นราธิวาส มีความเชื่อมโยงกันในลักษณะคำสั่งการที่ให้ก่อเหตุพร้อมกัน ส่วนการลงมือก่อเหตุนั้น อาจไม่ได้เกี่ยวข้องว่าคนกลุ่มเดียวกันทั้งหมด แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์อย่างชัดเจน ในส่วนประเด็น วันครบรอบ 66 ปี การหายตัวไปของหะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ โต๊ะมีนา ก็มีความเป็นไปได้ เพราะเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยฝ่ายความมั่นคงมีการเฝ้าระวังวันสำคัญเหล่านี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังเชื่อว่า แม้จะเป็นวันสำคัญ ถ้าไม่มีโอกาสก็ไม่สามารถก่อเหตุได้ ขณะการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวด
แม่ทัพสั่งจรยุทธ์เต็มรูปแบบ
ด้าน พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า ได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าจะมีเหตุการณ์ เพราะก่อนวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียนใหม่ ขณะที่สถานการณ์ได้เงียบมานาน ซึ่งก็ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายระมัดระวัง โดยชุดคุ้มครองครูที่ถือเป็นชุดตั้งรับ ที่ทำหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ครู และบุคลากรทางการศึกษา
“จากนี้ไปได้สั่งให้หน่วย ปฏิบัติการเชิงรุก จรยุทธ์เต็มรูปแบบ กดดันคนร้ายไม่ให้หลบซ่อนตามพื้นที่ป่าเขาหรือบ้านของผู้ให้การสนับสนุนได้” พลโทพรศักดิ์กล่าว
เหตุการณ์ระเบิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้าเกิดขึ้นในห้วงเวลาสองวัน วันที่ 14 กรกฎาคม มีคนร้ายวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดเฉพาะกิจ ร้อย.ทพ.2209 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22 ขณะเดินลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยให้กับครู ที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ทำให้ ทหารพรานเสียชีวิตลงหนึ่งราย วันต่อมาที่ 15 กรกฎาคม คนร้ายวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัดกองกำลังทหารพรานเฉพาะกิจที่ 42 เหตุเกิดบนถนนสายหนึ่งในพื้นที่บริเวณบ้านบางมะรวด ม.1 ต.บ้านกลาง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย รวมทั้งชาวบ้านอีกหนึ่งครอบครัว รวม 4 ราย (เป็นเด็กสองราย) ที่ขับขี่จักรยานยนต์ผ่านมาได้รับบาดเจ็บ
จากตัวเลขรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เบนาร์นิวส์รวบรวมไว้ นับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 ที่กลุ่มบีอาร์เอ็นประกาศหยุดยิง จนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2563 นี้ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มีเหตุรุนแรงอย่างน้อย 33 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 19 ราย ได้รับบาดเจ็บ 52 ราย ในจำนวนนี้ เป็นผู้ต้องหาเสียชีวิตจากการปะทะ 5 ราย ส่วนที่เหลือเป็นทั้งเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน
ในวันนี้ ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนเมษายน ขบวนการบีอาร์เอ็นได้ประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียว เมื่อขณะนี้มีการผ่อนคลายหลายๆ มาตราการต่างๆ ลง ก็จะเห็นได้ว่ากลุ่มที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐ หรือกลุ่มขบวนการในพื้นที่ ก็ได้มีการออกมาเคลื่อนไหว
“ในการก่อเหตุอย่างเหตุการณ์ในวันนี้ ก็เป็นไปได้ในการก่อเหตุเพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ หลาย ๆ ปัจจัย ทั้งสร้างสถานการณ์เพื่อแสดงถึงสัญลักษณ์ของการหายตัวของหะยีสุหลง หรือในทางการเมืองกรณีที่มีการออกมาแสดงจุดยืนที่มัสยิดกรือเซะ และหลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ ไปกดดัน หรือ ติดตามแกนนำที่ร่วมจัดกิจกรรม” ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์