คนร้ายยิง-ระเบิดซ้ำ จนท. เสียชีวิตหนึ่งนาย บาดเจ็บ 6 นาย ที่สายบุรี

มารียัม อัฮหมัด
2020.10.09
ปัตตานี
201009-TH-deepsouth-attack-800.jpg นายสมนึก พรหมเขียว รองผู้ว่าราชการปัตตานี (สวมแจ็คเก็ต) พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทหารนายหนึ่งที่เข้ารับการรักษาพยาบาล หลังจากถูกโจมตีในพื้นที่อำเภอสายบุรี ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สายบุรี จังหวัดปัตตานี วันที่ 9 ตุลาคม 2563
เบนาร์นิวส์

ในวันศุกร์นี้ เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบล ในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี แล้ววางระเบิดซ้ำอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ในบริเวณใกล้เคียง จึงเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บ 6 นาย นับเป็นเหตุการณ์โจมตีเจ้าหน้าที่โดยตรง ในรอบเก้าวัน ของปีงบประมาณใหม่ ด้าน พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ได้สั่งการให้สืบสวนและเร่งนำตัวคนร้ายมาลงโทษโดยเร็ว

พ.ต.อ.มานะ เดชาวริษฎ์ ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี เปิดเผยเมื่อเวลา 07.50 น. ว่า เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบล ในอำเภอสายบุรี ขณะรักษาความปลอดภัยครูของโรงเรียนบ้านป่าทุ่งและโรงเรียนบ้านบางเก่า เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย หลังจากนั้น ได้กดระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ขณะตรวจที่เกิดเหตุ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตอีกระลอก

“มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ ชคต. สายบุรี ขณะออกลาดตระเวนด้วยจักรยานยนต์ 3 คัน พร้อมกำลังพล 6 นายในพื้นที่ บ้านบางเก่าทะเล หมู่ 3 ตำบลบางเก่า จนเป็นเหตุปะทะกันนาน หลังเสียงปืนสงบ ฝ่ายทหารบาดเจ็บ 2 นาย คือ 1. สอ.วัชรา ไชยแก้ว อายุ 33 ปี กระสุนถูกบริเวณแก้ม 2. อส.สุทธิชัย ยะวา อายุ 35 ปี กระสุนเฉี่ยวบริเวณแข้งขวา ถูกนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สายบุรี” พ.ต.อ.มานะ กล่าว

พ.ต.อ.มานะ ระบุอีกว่า ในเวลา 10.05 น. ขณะเจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจพื้นที่เกิดเหตุในช่วงเช้า เกิดเหตุอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่เหยียบถูกกับระเบิด ห่างออกมาจากจุดเดิม 150 เมตร เบื้องต้นเชื่อว่า คนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่

“แรงระเบิดทำให้ อส.ทพ.อัตณรงค์ ไชยศรี อายุ 39 ปี ผู้ช่วยเครื่องยิงจรวด ชุดเฉพาะกิจร้อย.ทพ. กรม ทพ. 43 ปฏิบัติหน้าที่ชุดเฉพาะกิจหน่วยซักถาม เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย คือ ร.ท.ต่อตระกูล ปั้นสำรอง, อส.ทพ. ชยพร บุษบง, อส.ทพ.อิสรพงษ์ แก้วรักษ์ และ 4. ร.ต.ธงภักดิ์ ศุกรวัชรินทร์ แน่นหน้าอก ทั้งหมดมีอาการเจ็บหน้าอกและหูอื้อ ถูกนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี” พ.ต.อ.มานะ กล่าวเพิ่มเติม

หลังเกิดเหตุ พ.อ.วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า คนร้ายใช้อาวุธสงคราม และระเบิดแบบเหยียบโจมตีเจ้าหน้าที่ ด้าน ผบ.ทบ. ทราบเรื่องแล้ว และขอแสดงความเสียใจต่อผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

“จากการตรวจสอบ พบปลอกกระสุนปืนสงคราม ขนาด 5.56 ม.ม. จำนวนหนึ่งตกอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ และระเบิดที่ใช้เป็นระเบิดแสวงเครื่องไม่ทราบภาชนะบรรจุ จุดชนวนด้วยระบบการกด-เลิกกด หรือแบบเหยียบ โดยคนร้ายนำระเบิดซุกซ่อนไว้ในป่าข้างทางใกล้ๆ จุดที่คนร้ายวางตัวซุ่มยิง” พ.อ.วัชรกร กล่าว

“พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ท่านได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว และได้กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว ผ่านแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมกำชับให้ดูแลเรื่องสิทธิ และสวัสดิการ ตลอดจนการจัดการศพอย่างสมเกียรติที่สุด” พ.อ.วัชรกร ระบุ

ขณะเดียวกัน พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายอย่างเร็วที่สุดแล้ว โดยหากประชาชนทราบเบาะแส สามารถติดต่อไปแจ้งได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ตรงของแม่ทัพภาคที่ 4 คือ 0611732999 หรือสายด่วน 1341

“ได้สั่งการให้เร่งเข้าคลี่คลายสถานการณ์ ตรวจสอบที่เกิดเหตุและรวบรวมวัตถุพยาน เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว ย้ำให้ทุกพื้นที่เพิ่มมาตรการควบคุมพื้นที่ให้ปลอดภัย และบูรณาการกำลังทุกภาคส่วนในการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเมื่อเกิดเหตุจะต้องสามารถคุ้มครองซึ่งกันและกันได้อย่างทันท่วงที” พลโทเกรียงไกร ระบุ

ต่อเหตุที่เกิดขึ้น ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ เห็นว่า การก่อเหตุในช่วงนี้เพื่อกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ทางการไทยดำเนินกระบวนการพูดคุยสันติสุข

“ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการสับเปลี่ยนกำลังซึ่งปกติของทุกปี จะมีความถี่ของความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่หรือบีอาร์เอ็น เพื่อที่ต้องการแสดงตัวตนว่า กลุ่มยังมีอยู่ และสามารถก่อเหตุได้เมื่อมีโอกาส เพื่อกระตุ้นให้มีการพูดคุยสันติสุข ที่หยุดชะงักไป ตั้งแต่ต้นปีก่อนโควิด-19” ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าว

จากตัวเลขรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เบนาร์นิวส์รวบรวมไว้ นับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 ที่กลุ่มบีอาร์เอ็นประกาศหยุดยิง จนถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2563 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มีเหตุยิงและระเบิด ทั้งหมด 53 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 32 ราย เป็นเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน 18 ราย ในจำนวนนี้ เป็นผู้ต้องหาก่อความไม่สงบ เสียชีวิตจากการปะทะ 14 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 57 ราย

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม นี้ โดยคนร้ายลอบวางระเบิดขบวนยานยนต์ของกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 (ร.15 พัน.1) ขณะเคลื่อนย้ายกำลังพลกว่า 100 นาย จากตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ เพื่อสับเปลี่ยนกำลังพลของกองพันทหารราบเชิงรุก (พัน.ร.เชิงรุก) ในอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เมื่อขบวนรถดังกล่าวมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ในพื้นที่บ้านคลองประดู่ ม.4 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้รถยนต์บรรทุกขนาด 2 ½ ตัน (FTS) ได้รับความเสียหายเล็กน้อย กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 นาย

ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี คนส่งเสบียง และดูต้นทางกลุ่มอาร์เคเค

ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนราธิวาส ได้พิพากษาตัดสินลงโทษจำคุกจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.774/63 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ในเหตุปะทะระหว่างทหารกับผู้ก่อการร้าย เป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 6 ศพ บนเทือกเขาตะเว ต.บูติก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2563

นายอาพินดี ดือเร๊ะ จำเลยที่ 1 และนายซัมรี ดีเย๊ะ จำเลยที่ 2 ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี แต่เนื่องจากทั้งคู่เป็นผู้เยาว์ และเพียงสนับสนุนในการส่งเสบียงอาหาร สังเกตการณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เท่านั้น และไม่เคยมีการกระทำความผิดมาก่อน ศาลจึงลดโทษให้ คงเหลือจำคุกคนละ 1 ปี 3 เดือน ปรับเป็นเงิน 5 หมื่นบาท แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 3 ปี

โดย เจ้าหน้าที่ทหารระดับปฏิบัติการรายหนึ่ง (สงวนชื่อและนามสกุล) เชื่อว่าเหตุที่เกิดในวันศุกร์นี้ เป็นการตอบโต้คำพิพากษาดังกล่าว

“กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ตอบโต้ทันที และเป็นปกติหลังจาก มีการตัดสินคดีในพื้นที่จะเกิดความไม่สงบขึ้น แม้กำลังเจ้าหน้าที่พยายามเฝ้าระวังอย่างเต็มกำลัง แต่ความชำนาญของคนพื้นที่ ทำให้สามารถก่อเหตุความไม่สงบขึ้นได้ ทำให้สูญเสียเจ้าหน้าที่ 1 นาย และบาดเจ็บ 5 นาย” เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวระบุ

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง