นักเรียนปอเนาะกัมพูชา 18 คน ต้องถูกผลักดันออกจากไทย หลังจับกุมได้ที่ปัตตานี

มารียัม อัฮหมัด
2019.02.07
ปัตตานี
190207-TH-KH-cambodians-800.jpg เจ้าหน้าที่ทหารพรานรวบตัวชาวกัมพูชารวม 11 คน จากสถาบันศึกษาปอเนาะมัดรอสาตูลฟาละห์ ในอำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี วันที่ 28 มกราคม 2562
มารียัม อัฮหมัด/เบนาร์นิวส์

เจ้าหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนใต้ กล่าวในวันพฤหัสบดีนี้ว่า ไม่พบหลักฐานว่าชายชาวกัมพูชา 18 คน ที่ถูกควบคุมตัวมาจากโรงเรียนปอเนาะสองแห่ง ในอำเภอมายอ ปัตตานี ทำการฝึกการต่อสู้เพื่อร่วมสนับสนุนขบวนการก่อเหตุรุนแรงในสามจังหวัดภาคใต้ หลังจากผ่านกระบวนการสอบสวน แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งผู้ต้องหา 17 คน ฟ้องศาลฐานกระทำความผิดต่อกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง เพื่อที่จะได้ผลักดันกลับประเทศในเร็ววัน

ทั้งนี้ ผู้กำกับสถานีตำรวจมายอ กล่าวว่า ศาลแขวง ปัตตานี กำลังดำเนินการพิจารณาคดีนักเรียน 14 คน ซึ่งขณะนี้ถูกขังในเรือนจำปัตตานี โดยจะนำตัวขึ้นศาลอีกครั้งในวันศุกร์นี้ และในวันจันทร์หน้า ส่วนเยาวชน 3 รายนั้น ผ่านกระบวนการศาลเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในความดูแลของสถานพินิจเด็ก ในขณะที่อีกหนึ่งรายนั้น มีเอกสารถูกต้องและอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลักดันทั้งหมดออกไปพร้อมกันได้โดยไว

ในวันนี้ พันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า หลังจากการสอบถามทั้งหมด ไม่พบความเกี่ยวข้องกับบีอาร์เอ็นแต่อย่างใด

“กรณีความเชื่อมโยงกับกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้น ยังไม่พบ ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก แต่ตอนนี้ อยู่ระหว่างดำเนินคดีข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปัตตานี ก็ได้กล่าวยืนยันเช่นเดียวกัน

“ได้เข้าไปดูกับฝ่ายความมั่นคงทหาร ก็ไม่มีพฤติกรรมน่าสงสัย เพราะอาวุธอะไรก็ไม่มี เป็นการฝึกเตะกระสอบธรรมดา ให้ทหารตรวจสอบแล้วและเอาตัวไปที่ศูนย์ควบคุม ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต... เขามารับจ้างทำงานแล้วมาเรียน หลังจากที่เรียนจากเราไปเขามีความเชื่อว่าพอเขากลับไปที่บ้านเขาๆ จะได้เป็นผู้นำที่ประเทศเขา” พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ในวันนี้

เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมานี้ พ.อ.สมคิด คงแข็ง ผู้บัญชาการกองกำลังเฉพาะกิจทหารพรานที่ 42 ได้นำกำลังเข้าควบคุมตัวชาวกัมพูชา 11 คน จากสถาบันศึกษาปอเนาะมัดรอสาตูลฟาละห์ ในอำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี เพื่อนำมาสอบสวนในค่ายอิงคยุทธบริหาร เพราะเจ้าหน้าที่พบว่ามีการฝึกการต่อสู้ด้วยมือเปล่าในยามวิกาล จึงเกรงว่าจะเป็นแนวร่วมปฏิบัติการของกลุ่มใช้ความรุนแรง

และเมื่อจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ นี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวชาวกัมพูชาอีก 7 คน จากปอเนาะอีกแห่ง เพื่อสอบสวนด้วยข้อสงสัยในลักษณะเดียวกัน

พ.ต.อ.คมกฤช ศรีสงค์ ผู้กำกับ สภ.มายอ จ.ปัตตานี กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ในวันนี้ว่า เมื่อวานนี้ ทั้งหมดถูกปล่อยตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกระบวนการผลักดันกลับประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งหมดขึ้นศาลแขวง ปัตตานี โดยศาลจะได้พิจารณาคดีเข้าเมืองผิดกฎหมายต่อผู้ต้องหา 13 คน ที่อยู่เกินวีซ่า ส่วนอีกหนึ่งรายนั้น มีหนังสือเดินทางจึงถูกดำเนินคดีเข้าเมืองผิดกฎหมาย

“ได้นำตัวไปขึ้นศาลไปแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของศาลแขวง จะขึ้นศาลเพื่อการพิจารณาคดีวันศุกร์นี้ และวันจันทร์หน้า จากนั้นก็จะส่งให้ ตม. ดำเนินการตามกฎหมาย ผลักดันกลับประเทศได้ในสัปดาห์หน้า” พ.ต.อ.คมกฤช กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไทยมีความสงสัยในพฤติกรรมของโรงเรียนปอเนาะและโรงเรียนตาดีกา ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเป็นแหล่งอบรมเยาวชน เพื่อใช้เป็นกองกำลังปฏิบัติการให้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน รวมทั้งสงสัยในตัวชาวมุสลิมกัมพูชาที่เดินทางมาเรียนในโรงเรียนศาสนา ในสามจังหวัดชายแดนใต้ ว่าจะเข้ามาเป็นกำลังสนับสนุนฝ่ายก่อเหตุรุนแรง

ในปี 2558 ศาลได้สั่งยึดทรัพย์โรงเรียนญิฮาดวิทยา ในอำเภอยะหริ่ง ปัตตานี ให้ตกเป็นของแผ่นดิน เพราะว่าเมื่อ ปี 2547 เจ้าหน้าที่พบว่าปอเนาะแห่งนี้ เป็นแหล่งซ่องสุมอบรมการใช้อาวุธให้กับกองกำลังรบของฝ่ายขบวนการ

นอกจากนี้ เมื่อต้นปี 2561 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบโรงเรียนบากงพิทยา อำเภอหนองจิก ปัตตานี และกล่าวหาผู้บริหารว่าได้ยักยอกเงินอุดหนุนการศึกษาจากรัฐ เพื่อใช้ในการบ่มเพาะอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนและสนับสนุนการก่อเหตุรุนแรง ซึ่งรวมถึงการวางระเบิดลานจอดรถห้างบิ๊กซี ปัตตานี สองลูกซ้อน จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ กว่า 80 ราย เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560

อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าจับผู้ต้องสงสัยในตอนดึกของคืนวันจันทร์ในสัปดาห์ก่อนนั้น นางอสดีละ สาแลแม ภรรยาของนายสาอุดี เลาะแม็ง ผู้เป็นเจ้าของปอเนาะ กล่าวว่า ทางปอเนาะไม่ได้มีการสอนการใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด

"ยืนยัน ที่ปอเนาะไม่มีการปลุกระดม ไม่ได้ฝึกร่างกายอะไร เป็นการเล่นกีฬาตามประเพณีของชาวกัมพูชา ที่ปอเนาะสอนให้มีการเรียนการสอนเท่านั้น ไม่ได้มีการให้ฝึกอย่างที่เป็นข่าวเลย... แต่ยอมรับเรื่องนักเรียนกัมพูชา หนังสือเดินทางหมดอายุ” นางอสดีละ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายสาอุดี เลาะแม็ง เจ้าของปอเนาะมัดรอสาตูลฟาละห์ พร้อมด้วยเด็กนักเรียนชาวไทย ไปสอบปากคำด้วย ก่อนปล่อยตัวกลับ โดยไม่ได้ตั้งข้อหาเช่นกัน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง