รัฐบาลต่ออายุ พรก.ฉุกเฉิน 32 อำเภอชายแดนใต้
2017.12.19
ปัตตานี

รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นครั้งที่ 50 ในวันอังคาร (19 ธ.ค.60) นี้ ตามกรอบเวลาประกาศครั้งละไม่เกิน 3 เดือน
ทั้งนี้ รัฐบาลชุดต่างๆ ได้ประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินฉบับนี้ นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2548 และการประกาศต่ออายุ พรก.ฉุกเฉินเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งล่าสุดที่มีการจี้และเผารถยนต์โดยสารสายเบตง-กรุงเทพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้
พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวว่า พรก.ฉุกเฉิน ครอบคลุมพื้นที่ใน 32 อำเภอ ของจังหวัดยะลา นราธิวาส และปัตตานี ยกเว้นอำเภอแม่ลาน ที่ใช้ พรบ. ความมั่นคงแทน เช่นเดียวกันกับอีก 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา
"ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบประกาศขยายระยะเวลาสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ยะลา นราธิวาส และปัตตานี ยกเว้นอำเภอแม่ลาน ออกไปอีก 3 เดือน คือ ตั้งแต่ 20 ธันวาคม 2560 ถึง 19 มีนาคม 2561" พล.อ.วัลลภ กล่าว
"เหตุการณ์เผารถโดยสารสายกรุงเทพฯ-ยะลา เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยอมรับว่า ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน โดยเฉพาะช่วงการเดินทางเทศกาลปีใหม่" พล.อ.วัลลภ กล่าวเพิ่มเติม
พรก.ฉุกเฉินเปิดช่องให้นายกรัฐมนตรีออกคำสั่งให้ทหารเป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจในการปฏิบัติงานเหมือนตำรวจ รวมทั้ง มีการให้อำนาจในการจับกุมคุมขังได้อย่างรวดเร็วและยาวนานกว่ากฎหมายอาญาปกติ นอกจากนั้น ยังสามารถทำลายเป้าหมายที่เป็นภัยคุกคามได้ โดยได้ความคุ้มครองทางกฏหมาย ไม่สามารถถูกฟ้องร้องได้
ในวันนี้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาร ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุจี้เผารถโดยสารบริษัทสยามเดินรถ สายเบตง-กรุงเทพ ที่บริเวณถนนสาย 410 บ้านกาโสด ม.5 ต.บันนังสตา.อ.บันนังสตา จ.ยะลา ในขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยต่อกรณี 'พล.ท.ปิยะวัฒน์ นาควานิช' แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งไล่ออกผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วย พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบฝ่ายความมั่นคง แต่ทาง ผบ.ทบ. ไม่ได้แสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด
นายโยฮัน มีนา ชาวบ้านในจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า แม่ทัพทำแบบนั้น เหมือนยิ่งเติมไฟให้ลุกไหม้ร้อนขึ้น ในพื้นที่ชาวบ้านถูกกลุ่มพวกขบวนการใช้อิทธิพลกดข่มอยู่ การไล่ออกถือว่าเป็นการใช้วิธีไม่ถูกต้อง อาจจะเป็นปมให้เกิดความรุนแรงได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
ซึ่งผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่งในพื้นที่ใกล้เคียง กล่าวโดยไม่ประสงค์จะออกนามว่า การทำงานในพื้นที่นั้นเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะต้องระวังทั้งสองฝ่าย
“คนที่ทำหน้าที่ผู้ใหญ่ก็เป็นคนเหมือนกัน และคนที่ทำงานตรงไปตรงมา อยู่ยาก วันดีคืนดีเจ้าหน้าที่มาค้นบ้านฝ่ายที่คิดเห็นต่างจากรัฐ ฝ่ายนั้นก็มาด่า กล่าวหาว่าเราเป็นคนแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาค้นบ้านเขา คือถ้าคนกลุ่มนี้ที่พูดถึงเขามีส่วนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นจริง เขาไม่เดือดร้อนหรอก เพราะเขาคิดทางหนีทางแก้ต่างได้อยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ทำงานตรงไปตรงมาวางตัวลำบาก” ผู้ใหญ่บ้านรายเดียวกันกล่าวแก่เบนาร์นิวส์
ส่วนนายรักชาติ สุวรรณ เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แสดงทัศนะว่า "การแก้ปัญหาของแม่ทัพ มองว่าโอเคนะ ให้ออก อาจจะมองถึงความรับผิดชอบ ซึ่งรัฐก็พูดมาตลอดว่าผู้ใหญ่บ้านต้องรับผิดชอบ เข้าข่ายเชือดไก่ให้ลิงดู และรัฐก็ไม่ควรด่วนสรุปว่าเป็นฝีมือใคร ก่อนจะมีการสืบหาให้ชัดเจน"
ในความคืบหน้าของการสอบสวนนั้น ในวันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงสถานที่เกิดเหตุ และได้กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว 4 คน
ด้าน พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา กล่าวว่า สองในสี่คนนั้น เป็นบุคคลที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ หนึ่งในสองเป็นเจ้าของร้านจำหน่ายน้ำมันขวดที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ
"มีพยานยืนยันว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ มารวมตัวอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว ก่อนวิ่งออกมาก่อเหตุ และคนร้ายที่ก่อเหตุยังใช้น้ำมันขวดจากร้านดังกล่าวนำไปจุดไฟเผารถ ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกรายเป็นผู้หญิง เชื่อว่าเป็นผู้ที่นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้กับกลุ่มคนร้าย ทั้งสองคนถูกคุมตัวอยู่ในกระบวนการซักถามของเจ้าหน้าที่ ที่กรมทหารพราน 41ยะลา” พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าวแกผู้สื่อข่าว
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์เผารถทัวร์ว่า ต้องสอบสวนให้ครอบคลุม
"ยังต้องตรวจสอบว่าเป็นเรื่องคดีความมั่นคงอย่างเดียวหรือไม่ เพราะหลายอย่างที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อาจมีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย เช่นเรื่องธุรกิจ จึงยังตัดสินไม่ได้ว่าเป็นเรื่องใด ซึ่งกำลังจะตรวจสอบ และวันนี้มีแนวโน้มจับกุมตัวได้ หากได้ตัวแล้วจะตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวในกรุงเทพ