ชาวชายแดนใต้ ร้องให้ผู้ก่อเหตุยุติความรุนแรงเดือนรอมฎอน

มารียัม อัฮหมัด
2018.06.12
ปัตตานี
180612-TH-violence-1000.jpg ประชาชนนับร่วมแห่ศพนายอดุลย์เดช เจ๊ะแน รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตเพื่อไปทำพิธีฝังศพตามศาสนาอิสลาม ที่อำเภอสายบุรี ปัตตานี วันที่ 10 มิถุนายน 2561
มารียัม อัฮหมัด/เบนาร์นิวส์

ในวันอังคารนี้ ผู้นำศาสนาและประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประณามการก่อเหตุความรุนแรงในช่วง 10 วัน สุดท้ายของเดือนรอมฎอน และเรียกร้องให้กลุ่มก่อความไม่สงบยุติการสร้างความรุนแรง ในช่วงที่เหลือของเดือนถือศีลอดอันศักดิ์สิทธิ์นี้

ในปีฮิจเราะห์ 1439 นี้ นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ประกาศให้วันที่ 17 พฤษภาคม 2561 เป็นวันแรกของเดือนรอมฎอน โดย ประชาชนชาวไทยมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ราว 2 ล้านคน ร่วมการถือศีลอด ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยโดยเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ซึ่งจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส มีประชาชนอยู่รวมกันประมาณสองล้านคน ซึ่ง 83 เปอร์เซ็นต์ นับถือศาสนาอิสลาม และมีกำหนดสิ้นสุดการถือศีลอดคร่าวๆ ในวันพฤหัสบดี ที่จะถึงนี้

นายนิมุ มะกาเจ ราษฎรอาวุโส จ.ยะลา และอดีตรองประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา กล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะชาวไทยมุสลิม ขอเรียกร้องให้กลุ่มก่อความไม่สงบยุติการก่อเหตุรุนแรง ในช่วงที่เหลือของเดือนรอมฎอน เนื่องจากการก่อเหตุไม่ใช่การปฎิบัติตามความเชื่อของศาสนาอิสลาม

“เหตุฆ่าหมู่ 5 ศพ และ 4 ศพ รวมทั้งกรณีที่เกิดเหตุกับชาวบ้านหลังกลับจากละหมาดหลายรายในช่วงเดือนรอมฎอน เป็นสถานการณ์ความรุนแรงที่เหมือนจะมีมากขึ้น ทั้งจำนวนผู้เสียชีวิตและวิธีการที่เหี้ยมโหด... คนในพื้นที่บางส่วนเกิดความวิตกกังวลอย่างหนัก กระทบเป็นวงกว้างให้กับคนในพื้นที่โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการแสวงบุญ” นายนิมุกล่าว

“เชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบถูกบิดเบือนไปในทางที่ผิด จนหลงเชื่อว่าทุกครั้งที่ก่อเหตุร้ายสร้างความสูญเสียให้กับทางรัฐ พวกตนเองจะได้รับบุญ โดยเฉพาะในห้วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน แต่การกระทำดังกล่าว เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ไม่มีบทบัญญัติใดๆ” นายนิมุกล่าวเพิ่มเติม

นายนิมุระบุว่า ในหลักศาสนาอิสลามที่ถูกต้องสอนให้ชาวมุสลิมทำแต่ความดี ละเว้นความชั่วทุกประการ ทำบุญทำทานกับคนยากจนผู้ขัดสน ทั้งมอบเงินทอง เสื้อผ้า อาหาร ตามกำลังทรัพย์ที่เรามี โดยเฉพาะในเดือนรอมฎอนเดือนอันประเสริฐนี้ ให้แสวงบุญจากสิ่งดีๆ ทำให้คนมีความสุข

เมื่อตอนค่ำของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกขบวนการก่อความไม่สงบได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงครอบครัวนักขุดทองเสียชีวิต 4 ราย ในพื้นที่บ้านน้ำตก ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ซึ่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยแล้ว 8 ราย

และเมื่อวันศุกร์ คนร้ายได้ยิงนายอดุลย์เดช เจ๊ะแน รองประธานกรรมการอิสลามปัตตานี และหัวหน้าคณะอนุกรรมการบริหารพูดคุยสันติสุข ที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ส่วนในวันเสาร์ได้มีเหตุยิง น.ส.ยือนะ อาบูบากา อายุ 48 ปี แพทย์ประจำตำบล และเป็นภรรยานายหะมะรอมะอิง สารอเอง กำนันตำบลเตราะบอน อ.สายบุรี เสียชีวิต จากนั้นในวันจันทร์ คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงประชาชนเสียชีวิตอีก 6 ราย ใน อ.บันนังสตา และ อ.ยะหา จ.ยะลา

จากการรวบรวมตัวเลขของเบนาร์นิวส์จากรายงานของทางการ ได้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอน (ในช่วงวันที่ 17 พ.ค. ถึง 11 มิ.ย. ของปีนี้) อย่างน้อย 29 ครั้ง เป็นเหตุยิง 23 ครั้ง เหตุระเบิด 6 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 25 คน และบาดเจ็บ 15 ราย ซึ่งสูงกว่า ปี 2560 ที่เกิดเหตุการณ์ 23 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 15 ราย และบาดเจ็บ 16 ราย ทั้งนี้ เดือนรอมฎอนปีนี้ จะสิ้นสุดลงในวันพฤหัสบดีนี้

ขณะที่ นายการียา กาเล็ง อีหม่ามจากจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า กลุ่มก่อความไม่สงบถูกสอนให้เชื่อในคำสอนที่ผิดจนก่อเหตุ จึงอยากเรียกร้องให้กลุ่มขบวนการยุติการสร้างความรุนแรง

“ขอให้หยุดการกระทำที่เหี้ยมโหดกับคนทุกกลุ่ม มั่นใจว่ามีวิธีแก้ปัญหาอีกเยอะที่สามารถมาตัดสินไม่ใช่การเอาชีวิตให้ตาย อิสลามสอนให้คนรักกัน ทำดีกัน ไม่ทะเลาะ และจงมีความสามัคคี ผู้ที่ก่อเหตุอยู่ถือเป็นผู้ที่หลงผิด ได้รับคำสอนที่บิดเบือนจึงทำให้มีความเชื่อที่ผิดทั้งที่ความจริงในอัลกุรอ่าน ไม่มีที่สอนให้คนฆ่ากัน” นายการียากล่าว

“ขอให้ผู้ก่อเหตุในช่วงนี้ หยุดการกระทำที่ผิดที่ไม่ถูกต้องตามหลักศาสนา เรามาทำดี ด้วยการแสวงหาผลบุญจากการถือศีล จ่ายทาน มอบความสุขให้เพื่อนมนุษย์เพื่ออยู่ในแนวทางที่อัลลอฮ์สอน” นายการียา กล่าวเพิ่มเติม

“มันมีที่ไหน มาบอกว่าฆ่าคนคือสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีทั้งในคัมภีรย์อัลกุรอาน และผู้รู้ต่างๆ ก็ไม่เคยสอนแบบนี้ ยิ่งมาฆ่าคนในเดือนรอมฎอนถือเป็นความเชื่อที่ผิด ขอให้ใช้เดือนนี้เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในวันต่อไป ที่จะหยุดก่อเหตุเพื่ออัลลอฮ์” ด้าน นายฮะยีเซ็ง ดาลอ อีหม่าม ในจังหวัดนราธิวาส กล่าวเสริม

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง