ใกล้ครบรอบ 2 ปี “บิลลี่”หายตัว เพื่อนยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากกรมอุทยานฯ
2016.04.07
กรุงเทพฯ

ในวันพฤหัสบดี (7 เม.ย. 2559) นี้ ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตัวแทนชาวกะเหรี่ยงและภาคประชาสังคม ได้เข้ายืนหนังสือต่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีการหายตัวไปของ “บิลลี่” นายพอละจี รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และเรียกร้องให้พักงานรวมทั้งสอบสวนทางวินัยผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว และกรณีการเผาบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ด้วย
การยื่นหนังสือครั้งนี้ มีตัวแทนจากหลายภาคส่วนเข้าร่วม ประกอบด้วยตัวแทนจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม สมาคมนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน ศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา และเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเขตงานตะนาวศรี โดยมีผู้รับหนังสือแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ คือ นายเรืองศักดิ์ ทีฆะสุข รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ
ระหว่างการยื่นหนังสือ นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า หนังสือที่ยื่นให้กับอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เป็นการลงนามร่วมขององค์กรกลุ่มชาติพันธุ์ และองค์กรสิทธิมนุษยชน 22 องค์กร เพื่อต้องการเรียกร้องให้มีการพิจารณาถึงหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ
“ขอยื่นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องขอความเป็นธรรมของบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ เหตุเกิดวันที่ 17 เมษายน 2557 ณ ปัจจุบันนี้ก็เกือบ 2 ปีแล้ว มีประเด็นที่เราอยากจะนำเรียนท่านอธิบดีกรมอุทยานฯ ตามหนังสือที่แนบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวข้องกับการที่อยากจะให้พักราชการ หรือดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาของ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ซึ่งเราเชื่อว่า นายชัยวัฒน์ในขณะที่ปฎิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าฯ แก่งกระจานมีส่วนจับกุมตัวบิลลี่ และ ณ ปัจจุบันนี้ยังไม่มีหลักฐาน แล้วก็ชี้ชัดได้ว่ามีการปล่อยตัวแล้วจริง” นางสาวพรเพ็ญกล่าว
“เรื่องการสืบสวนสอบสวนการหายตัวไปของบิลลี่ เข้าใจว่าทางอุทยานก็มีการตั้งคณะกรรมการไปแล้ว แต่ข้อมูลที่ได้ยังไม่เคยเปิดเผยต่อญาติ ต่อผู้ที่สนใจ และสาธารณชน ... อยากจะให้หน่วยงานภายในที่มีส่วนสำคัญเรื่องการทำงาน เห็นความสำคัญของการเปิดเผยข้อเท็จจริง เปิดเผยข้อมูลกับญาติ และสาธารณชนด้วย” นางสาวพรเพ็ญเพิ่มเติม
นายเกรียงไกร ชีช่วง เลขานุการเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรม เขตงานตะนาวศรี เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าที่ต้องเดินทางมายื่นหนังสือในครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่ากระบวนการสอบสวนหาความจริง เกี่ยวกับการหายตัวไปของนายพอละจี ไม่มีความคืบหน้า และต้องการที่จะเรียกร้องให้ตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง ของการเกิดไฟไหม้ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เนื่องจากที่ผ่านมาชาวกะเหรี่ยงมักถูกกล่าวหาว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่า
“พื้นที่แก่งกระจานในหลายจุด ไม่ใช่มีแต่พี่น้องกะเหรี่ยง เรามีเจ้าหน้าที่รัฐด้วย แล้วก็มีคนทั่วๆไปที่ไปได้ที่ตรงนั้น เราก็อยากจะบอกว่า การตั้งธงไว้ก่อนว่า เป็นพี่น้องกะเหรี่ยงเป็นผู้จุด หรือว่าเป็นผู้ทำให้เกิดไฟป่า เป็นการกล่าวหาซึ่งไม่มีหลักฐาน อันนี้คือประเด็นที่หนึ่ง ประเด็นที่สอง สิ่งที่เรารับรู้โดยข้อมูลก็คือ จุดที่เกิดไฟป่า เราสังเกตได้ว่าเป็นจุดที่เคยเป็นแปลงปลูกป่าของป่าสงวน ซึ่งน่าสังเกตว่ามันมีการปลูกป่าเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า เป็นการจุดเพื่อทำลายหลักฐานรึเปล่า อันนี้ก็อยากให้กรมอุทยานฯ ทำการตรวจสอบ” นายเกรียงไกรกล่าว
และนายเกรียงไกร ยังเพิ่มเติมว่า การกล่าวหาว่าชาวกะเหรี่ยงเป็นต้นเหตุของไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อาจส่งผลกระทบต่อการขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งใหม่ของศูนย์มรดกโลก องค์กรยูเนสโก ของเขื่อนแก่งกระจานก็เป็นได้
ด้านนายเรืองศักดิ์ ทีฆะสุข รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ผู้รับหนังสือกล่าวว่า จะได้นำเรียนข้อเรียกร้องของ กลุ่มเครือข่ายต่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ และยืนยันว่าการแก้ไขปัญหากรมอุทยานแห่งชาติฯ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
“จะนำเรียนท่านอธิบดีฯ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าสู่กระบวนการศาลแล้ว ทางกรมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ก็พยายามจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะเป็นเรื่องรัฐบาล คสช. คนอยู่กับป่า อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ” นายเรืองศักดิ์กล่าว
ประวัติบิลลี่
“บิลลี่” หรือ นายพอละจี รักจงเจริญ อายุ 30 ปี แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย มีอาชีพรับจ้าง และเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เป็นตัวแทนในการประสานงานเรื่องต่างๆ ระหว่างชาวกะเหรี่ยงและบุคคลภายนอกหมู่บ้าน
ในปี 2554 บิลลี่ ได้เป็นพยานในคดีที่ชาวบ้านโป่งลึก-บางกลอย ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยงานซึ่งกำกับดูแลอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในข้อหาเข้ารื้อทำลาย เผาบ้านเรือน และทรัพย์สินของชาวบ้านชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง บริเวณ ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งเหตุการณ์ครั้งดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับชาวกะเหรี่ยง 20 ครอบครัว กว่า 100 หลังคาเรือน
และนำมาสู่การฟ้องศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2555 เป็นคดีหมายเลขดำที่ ส.58/2555 โดยนายโคอิ หรือปู่คออี้ มีมิ กับพวกรวม 6 คนเป็นผู้ฟ้องคดี เพื่อเรียกค่าเสียหายกรณีที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และขอสิทธิกลับไปอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าแก่งกระจานที่เป็นพื้นที่ดั้งเดิมที่ชาวกะเหรี่ยงได้ตั้งรกรากอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณลำห้วย เหนือแม่น้ำบ้านบางกลอยบน มาแต่ครั้งบรรพบุรุษเป็นเวลาร่วมกว่าร้อยปี
17 เมษายน 2557 บิลลี่ หายตัวไปหลังจากที่ออกไปเก็บน้ำผึ้ง เพื่อนำไปฝากคนรู้จัก และอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อให้การต่อชั้นศาล ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2557 ซึ่งศาลนัดสืบพยานคดีรื้อและเผาบ้านกะเหรี่ยง โดยภายหลังนางพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่ กล่าวหาว่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (ในขณะนั้น) พร้อมลูกน้อง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของอุทยานฯแก่งกระจานอีก 3 คน เป็นผู้ควบคุมตัวบิลลี่ไปเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557 แล้วหายตัวไปอย่างปริศนาจนถึงปัจจุบัน