อากาศแปรปรวนตอนเหนือ-คลื่นลมแรงฝั่งอ่าวไทย สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนทุกภูมิภาค

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงที่เคลื่อนตัวมายังประเทศไทยเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดภัยหนาวในหลายจังหวัดในตอนบนของประเทศ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตจากภัยหนาวสามราย ส่วนบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก เกิดคลื่นลมแรงสูง 2 ถึง 4 เมตร สร้างความเสียหายแก่ชายฝั่งทะเลภาคใต้อย่างหนัก

นายโกสินทร์ เสียงวัฒนะ เจ้าหน้าที่งานพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวในวันอังคาร (26 ม.ค. 2559)  นี้ว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงที่เคลื่อนตัวมาถึงภาคกลางด้วยในวันที่  23 มกราคมที่ผ่านมา มีกำลังแรงมากกว่าปกติ จนทำให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วในเวลาแค่เพียงหนึ่งวันในวันถัดมา

“ในช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นฤดูหนาว มีมวลอากาศเย็นมาจากประเทศจีนเป็นระลอกๆ แต่ระลอกล่าสุดมาเยอะและมีกำลังแรงมากกว่าปกติ อุณหภูมิลดลงประมาณ 8-10 องศาเซลเซียส เห็นได้ชัดเมื่อวันที่ 23 และ 24 ที่ผ่านมา” นายโกสินทร์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

เจ้าหน้าที่ของศูนย์ภูมิอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ท่านหนึ่งกล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 23-24 ที่ผ่านมา อุณหภูมิในหลายจังหวัดในภาคกลางลดลงถึง 8-10 องศาเซลเซียส และในหลายจังหวัดของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลดลงถึง 10-12 องศา จนทำให้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน

ในวันนี้ มีรายงานข่าวว่า มีการเสียชีวิตของแม่เฒ่าวัย 93 ปี ชื่อว่านางบัวลา คำเห็น ในจังหวัดนครพนม  ส่วนในจังหวัดบึงกาฬ พบประชาชนเสียชีวิตอีกสองราย คือ นายนิค ชำนาญดี อายุ 54 ปี และนายชัย ชำนาญดี อายุ 45 ปี

รายงานข่าวกล่าวว่าทั้งสามทนอากาศหนาวไม่ไหว และญาติทราบว่าเสียชีวิตก็ต่อเมื่อได้พยายามปลุกบุคคลทั้งสาม ในตอนเช้าแต่พบว่าได้สิ้นใจไปก่อนแล้ว

คลื่นลมถล่มชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย รัฐอพยพคนกว่าร้อยหลังคาเรือน

โดยปกติ เมื่อมีมวลอากาศหนาวจากไซบีเรีย-จีนเคลื่อนตัวลงมายังประเทศไทย ก็มีผลต่อลมมรสุมที่ทำให้เกิดฝนตกและคลื่นลมแรงในภาคใต้อีกด้วย

ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งในจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส รวมทั้งถนนหนทางต่างได้รับผลกระทบคลื่นลมแรงเช่นกัน

ในจังหวัดปัตตานี ในคืนวันจันทร์ที่ 25 มกราคมนี้ คลื่นลมแรงสูง 2-4 เมตร ได้สร้างความเสียหายแก่ชาวบ้านที่อยู่ริมทะเลใน 6 อำเภอ ของจังหวัด

โดยเฉพาะชาวบ้านที่ บ้านตะโล๊ะสะมีแล บ้านบูดี และบ้านดาโต๊ะ ตำบลแหลมโพธิ์ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ที่มีรีสอร์ทเสียหายหลายแห่ง และในวันนี้ ชาวบ้านในพื้นที่เร่งกันรื้อถอนหลังคาและโครงสร้างอาคารที่พักที่รีสอร์ท บริเวณชายหาดตลอดแนวมีความยาวกว่า 5 กิโลเมตร เพราะเกรงว่าอาจได้รับความเสียหายซ้ำ

“ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้มานานแล้ว มันน่ากลัวมาก เมื่อคืนไม่มีใครได้นอน” นายสมาแอ เจ๊ะแว เจ้าของรีสอร์ทบ้านไม้ริมทะเล กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ในวันอังคารนี้

นายสมาแอ กล่าวว่า ตนเองเป็นคนแรกที่เริ่มสร้างรีสอร์ทริมชายหาดบ้านตะโล๊ะสะมีแล ตั้งแต่ปี 2553 ทั้งที่มีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้น ได้รวบรวมเงินที่มีทั้งหมดมาสร้างรีสอร์ทสวนกระแสกับเหตุการณ์ความไม่สงบ ชาวบ้านก็มาเที่ยวไม่ขาด ครอบครัวมีรายได้ดีตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดรุนแรงมาเมื่อตั้งแต่สองวันที่ผ่านมา ทำให้คลื่นสูงถึงประมาณ 2-4 เมตร ซัดเข้าในตัวอาคารที่พักสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง น้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งตลอดแนวชายฝั่ง ที่ได้รับความเสียหาย และยังมีรีสอร์ทอีกกว่า 10 แห่ง ที่ได้รับความเดือดร้อน บางแห่งยังสร้างไม่เสร็จ ก็ถูกคลื่นซัดพาไปเสียก่อน

ในจังหวัดชุมพร ศูนย์แจ้งเข้า-ออกเรือประมง จังหวัดชุมพร รายงานในวันอังคารนี้ว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่พบตัวไต้ก๋งเรือและลูกเรือประมงลำหนึ่ง ที่หายไปตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ ส่วนลูกเรืออีกหกคนที่หลบคลื่นลมที่บริเวณเกาะง่ามพร้อมกับสองคนนั้น เจ้าหน้าที่พบตัวแล้ว

เรือบรรทุกหิน ชื่อเมอร์ริเดียร์แบ 38 สัญชาติตูวาลู ที่บรรทุกหิน จากอำเภอเมือง นราธิวาส ไปยังเมืองท่าประเทศสิงคโปร์ ได้ถูกคลื่นซัดจนอับปาง ที่หาดนราทัศน์ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2559 (เบนาร์นิวส์)

ส่วนในจังหวัดนราธิวาส น้ำทะเลได้ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรกว่า 100 หลังคาเรือน ซึ่งเป็นหมู่บ้านอยู่ริมฝั่งทะเล บ้านบาเฆะ หมู่ 2 ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ทางเจ้าหน้าที่ต้องอบพยพชาวบ้านให้ไปอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลโคกเคียงเป็นการชั่วคราว

นายจำนัล เหมือนดำ รองผู้ว่าราชการ จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า “ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ประกอบด้วย บ้านหวังยาเงาะ จำนวน 36 ครัวเรือน บ้านบาเฆะ จำนวน 33 ครัวเรือน และบ้านกูแบบือลือดี จำนวน 20 บ้านเกาะยาว 36 ครัวเรือน รวม 111 ครัวเรือน จำนวนประมาณ 400 คน”

นอกจากนี้แล้ว ผลกระทบจากคลื่นลมแรง ยังทำให้เรือบรรทุกหิน ขนาด 10,408 ตันกรอส ชื่อ เรือเมอร์ริเดียร์แบ 38 สัญชาติตูวาลู ที่บรรทุกหินประมาณ 3,000 ตัน จาก อำเภอเมือง นราธิวาส ไปยังเมืองท่า ประเทศสิงคโปร์ ได้ถูกคลื่นซัดจนอับปางจากเชือกที่ใช้สำหรับลากจูงขาด ซึ่งก่อนหน้านี้ นายสันทนะ จันทร ผู้อำนวยการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขานราธิวาส ได้แจ้งเตือนให้กัปตันเรืองดออกเรือ แต่กัปตันไม่เชื่อฟัง จนเรืออับปางในที่สุด

ในจังหวัดนครศรีธรรมราช คลื่นลมได้ถล่มบ้านเรือนราษฎรที่ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง และเส้นทางสายเลียบฝั่งทะเลอำเภอปากพนัง-หัวไทร จนเสียหาย

กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนให้ประชาชนทราบในวันนี้ว่า บริเวณความกดอากาศสูงได้อ่อนกำลังลง แต่ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีความรุนแรงอยู่ จึงให้ประชาชนตามบริเวณชายฝั่งระวัดระวังคลื่นลมและการเดินเรือ โดยเฉพาะให้งดเดินเรือขนาดเล็ก จนถึงวันที่ 27 มกราคมนี้