ตำรวจปส.ร่วมนานาชาติสกัดเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ
2018.02.14
กรุงเทพฯ

พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ประกาศตัดวงจรการลักลอบค้ายาเสพติดข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ในการแถลงผลงานการกวาดล้างจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ในวันครบรอบวันสถาปนากองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ในวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ นี้ และได้ประกาศผลการปฏิบัติงานในช่วงวันที่ 20 ม.ค. – 14 ก.พ. นี้ ว่า สามารถทลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ 3 ราย พร้อมอายัดทรัพย์สินและยาเสพติดได้ มูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 1.6 พันล้านบาท พบว่ามีความเชื่อมโยงเครือกับข่ายยาเสพติดของนายไซซะนะ แก้วพิมพา นักค้ายาเสพติดข้ามชาติ
พล.ต.ท.สมหมาย ระบุด้วยว่า ผู้ผลิตยาเสพติดที่เป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่า ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการลักลอบส่งยาเสพติดไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น มาเลเซีย ออสเตรเลีย เวียดนาม ลาว จีน ไปถึงประเทศในทวีปยุโรป เนื่องจากประเทศไทยมีความเติบโต และมีชายแดนติดต่อกับประเทศต่างๆ ทั้งทางบก ทางทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณภาพของยาไอซ์ที่ผลิตจาก กลุ่มว้า ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศพม่า มีคุณภาพดีเป็นที่ต้องการของตลาดโลก
“คุณภาพยาไอซ์ที่ทำจากกลุ่มว้าเหนือทำได้ดี ทำได้เก่งกว่าที่เขาผลิตกันเอง มันเอาไอซ์สีออกน้ำตาล ไปทำยาบ้าคุณภาพต่ำ ถ้าตลาดของโลกไม่นิยม ยังไงก็ขายไม่ดี นี่แสดงว่ามันนิยม ปีที่แล้วเราจับร้อยกว่าล้านเม็ด ยังเอาไม่อยู่เลย” พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
“มาตรการของเราคือ ยึดทรัพย์อย่างเดียว ยึดทรัพย์ให้มากที่สุด” พล.ต.ท.สมหมาย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับเบนานิวส์
ซึ่ง พล.ต.ท.สมหมาย ระบุด้วยว่า องค์กรปราบปรามยาเสพติดจากนานาชาติเห็นด้วยในมาตรการยึดทรัพย์ผู้ต้องหาคดียาเสพติด เนื่องจากเป็นการยากในการหยุดการผลิตยาจากทางกลุ่มว้า ที่มีการผลิตอย่างต่อเนื่อง จึงหันมาติดตามเส้นทางการเงินแทนและทำเรื่องยึดทรัพย์ หากทำให้คนส่งยาไม่มีเงิน ยาก็จะขาดไปจากวงจร ที่ผ่านมา หน่วยงาน DEA (Drug Enforcement Administration) และ FBI (Federal Bureau of Investigation) จากสหรัฐอเมริกา รวมถึงทางการออสเตรเลีย มาเลเซีย ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการทำงานของ บก.ปส.ของไทยเป็นอย่างดี มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันในการทลายเครือข่ายลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติ
พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ รอง ผบช.ปส. ฝ่ายปราบปราม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าทิศทางการจับกุม รวมถึงปริมาณการจับกุมเพิ่มขึ้นกว่าในอดีตเพราะผู้ผลิตผลิตแบบ non-stop แล้วทุ่มยาเข้ามาในตลาด แต่สิ่งที่น่ากังวลและเป็นปัญหาหลักในปัจจุบันคือ ยาไอซ์ เพราะสารเคมีตั้งต้นมีความบริสุทธิ์มากกว่ายาบ้า ยาไอซ์จึงมีความบริสุทธิ์มากกว่า เสพแล้วติด
“ผมเป็นคนจับเอง จับได้มากกว่าเมื่อก่อนมาก เปรียบเทียบต่อจำนวนครั้ง ต่อล๊อตมันสูงขึ้นมาก เมื่อก่อนจับได้ทีละ 20–40 กก. ตอนนี้จับได้ทีละ 200–400 กก. ผู้ผลิตเขาทุ่มยามาในตลาดโดยที่เขาไม่สนใจว่าจะโดนจับหรือไม่ ปล่อยยาออกมาเรื่อยๆ ถูกจับก็ปล่อยมา ถูกจับก็จ้างคนใหม่ๆ เรื่อยๆ เพราะผลิตแบบ nonstop ของเลยเยอะ” รอง ผบช.ปส. ฝ่ายปราบปราม กล่าว
สำหรับสารตั้งต้นการผลิตยาไอซ์ พล.ต.ต.ทนัย ระบุว่า เป็นสารเคมีที่มาจากทุกประเทศ ทั้งจากประเทศจีน เวียดนาม แม้แต่ในประเทศไทยเอง สามารถเอามาดัดแปลงได้หลายสูตร ซึ่งล่าสุดมีการนำสารเคมีประเภท โซเดียมไซยาไนท์ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองทองคำ มาแปลงสูตรสำหรับผลิตยาเสพติด
ยึดทรัพย์สินและยาเสพติด เครือข่ายไซซะนะ มูลค่ากว่า 1.6 พันล้านบาท
สำหรับปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/3 ในการกวาดล้างจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด และทำลายเส้นทางการเงินขบวนการกว่า 70 เป้าหมาย ในช่วงวันที่ 20 ม.ค. – 14 ก.พ. สามารถทลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ 3 ราย ได้ผู้ต้องหา 63 คน รวม 42 คดี รวมมูลค่าทรัพย์สินและมูลค่ายาเสพติดที่ยึดได้มากกว่า 1.6 พันล้านบาท
สำหรับของกลางที่เป็นยาเสพติดมูลค่ารวมกว่า 1.4 พันล้านบาท ประกอบด้วย ยาบ้า 404,695 เม็ด , กัญชา 202 กิโลกรัม , ยาอี 2,830 เม็ด , ไอซ์ 673 กิโลกรัม และทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้อีก 241 ล้านบาท ประกอบด้วย รถยนต์ 33 คัน , รถจักรยานยนต์ 13 คัน , บ้าน/คอนโดมิเนียม 22 หลัง , โฉนดที่ดิน 27 แปลง นอกจากนั้นยังมีทองรูปพรรณ มูลค่า 20,462,000 บาท , เงินสด 19,244,738 บาท และอื่นๆ มูลค่าประมาณ 5,026,238 บาท
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า การจับเครือข่ายยาเสพติดขนาดใหญ่ 3 ราย คือ เครือข่ายเอกอ้วน เครือข่ายนายวันเฉลิม หรือ โน้ต กมลเลิศ (โน้ต ดินแดง) เครือข่ายนายธนา ภุมรินทร์ หรือโอ๋ ซีวิค มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดนายไซซะนะ ราชานักค้ายาเสพติดชาวลาว ที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ และเชื่อว่าขณะนี้การค้ายาเสพติดได้สะพัดในวงการบันเทิง นางแบบ พริตตี้ ดารา นักแสดง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลการจับกุมต่อไป
นโยบายและสถิติการจับกุมคดียาเสพติด ระหว่าง 2558-2560
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำให้ทุกหน่วยงานความมั่นคงบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เน้นความเชื่อมโยงเครือข่ายให้ถึงผู้ที่มีอิทธิพลรายใหญ่ในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งในปีที่ผ่านมาสามารถจับกุมผู้ค้ารายใหญ่และยึดยาเสพติดได้เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึงกว่าเท่าตัว เป็นยาบ้ากว่า 215 ล้านเม็ด เฮโรอีน 376 กก. โดยเฉพาะยาไอซ์ ยึดเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า กว่า 5,000 กก.
ปี พ.ศ. 2558 จับกุมยาบ้า 40,440,432 เม็ด ไอซ์ 584.14 กก. เฮโรอีน 56.07 กก. โคเคน กัญชาแห้ง 4,461.21 กก. สามารถยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดได้ จำนวน 207.89 ล้านบาท
ปี 2559 จับกุมยาบ้า 28,838,422 เม็ด ไอซ์ 632.72 กก. เฮโรอีน 43.69 กก. โคเคน 39.32 กก. กัญชาแห้ง 917.76 กก. สามารถยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดได้ จำนวน 346.67 ล้านบาท
ปี 2560 จับกุมยาบ้า 14,001,947 เม็ด ไอซ์ 959.09 กก. เฮโรอีน 69.19 กก. โคเคน 16.30 กก. กัญชาแห้ง 369.54 กก. สามารถยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดได้ จำนวน 98.29 ล้านบาท