ตำรวจแถลงจับ เครือข่ายฟอกเงินยาเสพติด 300 ราย

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2020.06.19
กรุงเทพฯ
200619-TH-drugs-money-laundering-1000.jpg เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดหนุมาน กองปราบปราม ขณะเข้าตรวจค้นร้านทองย่านวังบูรพา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2563
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ในวันศุกร์นี้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยแก่สื่อมวลชนว่า ในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของขบวนการค้ายาเสพติดได้กว่า 300 ราย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินหมุนเวียนกว่า 2 แสนล้านบาท ผ่านธุรกิจร้านทอง และธุรกิจขายน้ำมัน

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เกือบ 300 รายแล้ว โดยพบว่าเครือข่ายยาเสพติดที่ทำการฟอกเงินนี้ มีความเชื่อมโยงกับต่างประเทศ

“การยึดทรัพย์ เป็นการสืบสวนขยายผลจากหลายพื้นที่ เริ่มปฏิบัติการในช่วงกลางสัปดาห์ ใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน.. หลายเครือข่ายเอาไปฟอกเงินในหลายธุรกิจ มากที่สุดก็คือ ธุรกิจทองคำ ซึ่งเราจะพบการเคลื่อนไหวทางการเงิน ถ้าในภาพรวมทั้งประเทศที่นำไปซื้อในเครือข่าย รวม 2 แสนล้าน… มีทั้งร้านทอง การส่งออกสินค้า หลากหลายประเภท ส่งออกไปแล้ว ทางบริษัทก็จะส่งสินค้ากลับเข้ามาแปรสภาพเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง… มีการเอาเงินสดโอนเข้าทางร้านแล้วก็แปลงเป็นทองคำแท่ง แล้วก็ส่งกลับไปเป็นผลิตภัณฑ์อีกรูปแบบหนึ่ง” พล.ต.อ.สุชาติ กล่าว

“ตอนนี้ที่ออกหมายจับแล้วประมาณ 400 หมาย แต่ว่าดำเนินการจับได้เกือบ 300 หมาย ก็อยู่ระหว่างการติดตามขยายผล ผู้รับโอนเงินก็มี ไม่ใช่ร้านทองอย่างเดียว น้ำมันก็มี… บางส่วนก็รับสารภาพ บางส่วนก็ปฏิเสธ หลายร้อย (เครือข่าย) … มีทั้งกรุงเทพฯ เมืองกาญ นครปฐม แม่สอด แล้วก็ภาคใต้ (ร้านทอง) เกือบ ๆ 10 แห่ง ในหลายจังหวัด” พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวเพิ่มเติม

พล.ต.อ.สุชาติ เปิดเผยว่า การปฏิบัติการของหน่วยหนุมาน กองบังคับการกองปราบปราม ดำเนินการในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมเจ้าของร้านทอง เจ้าของธุรกิจน้ำมัน ผู้รับเปิดบัญชีรับโอนเงิน และกดเงินกว่า 300 ราย สามารถยึดยาบ้ากว่า 4 แสนเม็ด ยาไอซ์เกือบ 5 กิโลกรัม รวมถึงยึดทรัพย์กว่า 259 รายการ มูลค่า 70 ล้านบาท

มีผู้ต้องหาหลักที่สามารถจับกุมตัวได้ 10 ราย คือ 1. นางชมพู หวังเจริญรุ่ง 2. นายกรวิก หวังเจริญรุ่ง 3. นายกนิษฐ หวังเจริญรุ่ง 4. น.ส.เพ็ญวิไล แก้วกาญจน์ 5. น.ส.ขวัญฤทัย นวนนิ่ม 6. น.ส.พัชรี หมวดหรี 7. น.ส.กัลยา ชูสังข์ 8. น.ส.ธัญทิพย์ เพชรเรือนทอง 9. นายธงไชย รัตน์จันทร์ และ 10. น.ส.เบญจมาภรณ์ อาจหาญ โดยทั้งหมดถูกจับกุมตัวในข้อหาฟอกเงิน และยังได้ขออายัดตัวผู้ต้องขัง 9 ราย จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 2 ราย, เรือนจำจังหวัดตรัง 2 ราย, เรือนจำจังหวัดพัทลุง 2 ราย, เรือนจำจังหวัดสงขลา 1 ราย, เรือนจำจังหวัดทุ่งสง 1 ราย และเรือนจำจังหวัดหลังสวน 1 ราย ซึ่งเชื่อว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ร้านทองย่านวังบูรพา กรุงเทพ ได้รับเงินโอนเข้าบัญชี 590 ล้านบาทจาก 6 เครือข่ายยาเสพติด, ร้านทองในจังหวัดตาก และกาญจนบุรี รับเงินโอนรวม 250 ล้านบาท จาก 3 เครือข่าย, ร้านทองในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 8 (ภาคใต้ตอนบน) 154 ล้านบาทจาก 9 เครือข่าย และร้านทองในจังหวัดเชียงราย 70 ล้านบาท จาก 2 เครือข่าย รวมมีเงินโอนผ่านบัญชีร้านทอง 1,064 ล้านบาท จาก 20 เครือข่ายค้ายาเสพติด

การปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการขยายผลจากการจับกุมตัว นายธีระพร ชูเมือง อายุ 40 ปี ชาวอำเภอห้วยยอด จ.ตรัง เมื่อเดือนตุลาคม 2562 ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่า นายธีระพร เคยก่อคดีพยายามฆ่าผู้อื่น และมีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ กรุงเทพฯ และเครือข่ายอื่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรือนจำหลายแห่ง โดยลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาจากประเทศเมียนมา มี น.ส. ดาวเรือง สมแสง ซึ่งถูกจับกุมตัวในเดือนตุลาคม 2562 เกี่ยวข้อง โดยรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานโอนเงินค่ายาเสพติดไปยังบัญชีต่างๆ

โดยพบว่า น.ส. ดาวเรือง โอนเงินออกไปยังบัญชีอื่น 113 บัญชี โดยในนั้นมี บริษัท ชมพู (บ้วนหลี) จำกัด ซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับจำหน่ายเครื่องทองรูปพรรณ เมื่อตรวจสอบผลประกอบการย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2558-2561 พบว่าบริษัทดังกล่าว มีการเติบโตของรายได้แบบก้าวกระโดดผิดปกติ โดยปี 2558 บริษัทมีรายได้ 41 ล้านบาท ปี 2559 มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 344 ล้านบาท ปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 2,338 ล้านบาท และปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 3,008 ล้านบาท ทำให้เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จึงนำไปสู่การขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่น ๆ

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง