กกต. รับรอง ส.ส.แบบแบ่งเขตจำนวน 349 จาก 350 คน
2019.05.07
กรุงเทพฯ
ในวันนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมาว่า ได้ ส.ส.แบบแบ่งเขตจำนวน 349 คน จากจำนวน 350 คนทั่วประเทศ ขณะที่รองเลขาธิการ กกต. ระบุว่า กกต. ยังมีอำนาจในการพิจารณาถอดถอน หรือ จัดการเลือกตั้งใหม่ได้ภายใน 1 ปี หากพบว่ามีการกระทำความผิด
นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงต่อสื่อมวลชนว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ได้ลงนามรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต จำนวน 349 คน ยกเว้นจังหวัดเชียงใหม่ เขต 8 ที่มีการแจกใบส้มให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ เพื่อประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว
นายแสวง ระบุว่า ขณะนี้ กกต. อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องร้องเรียน ซึ่งมีอยู่มากกว่า 400 เรื่อง ในจำนวนนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติประมาณ 50 เรื่อง ซึ่งกฎหมายให้เวลา กกต. 1 ปี ในการยกเลิก หรือ จัดการเลือกตั้งใหม่ได้ หากพบการทำความผิด
“ตามกฎหมาย แม้ว่าจะมีการประกาศไปแล้ว แต่ กกต. ก็ยังมีการพิจารณาคำร้องอยู่ หาก กกต. มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น สั่งให้มีการออกเสียงลงคะแนนใหม่ หรือ เลือกตั้งใหม่ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส. ที่พึงมีได้ กฎหมายบอกว่า ภายในหนึ่งปีนับจากวันเลือกตั้ง ส่วนเราจะพิจารณาให้เร็วที่สุดครับ” นายแสวง กล่าวต่อผู้สื่อข่าว
จำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 349 คน เป็น ส.ส. จากพรรคเพื่อไทยจำนวน 136 คน พรรคพลังประชารัฐ 97 คน พรรคภูมิใจไทย 39 คน พรรคประชาธิปัตย์ 33 คน พรรคอนาคตใหม่ 30 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 6 คน พรรคประชาชาติ 6 คน พรรคชาติพัฒนา 1 คน และพรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน ก่อนหน้านี้ กกต. มีคำสั่งให้ใบส้ม กับว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ และสั่งให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 26 พฤษภาคม นี้
ทั้งนี้ รองเลขาธิการสำนักงาน กกต. ระบุถึงเหตุผลที่ประกาศรับรอง ส.ส.แบบแบ่งเขตทั้งหมด เนื่องจากได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นตามกฎหมายแล้วให้ประกาศรับรองได้ โดยในส่วนที่มีการกล่าวหานั้น ก็จะให้ความยุติธรรม เพราะถือว่ายังไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดและให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงแสดงหลักฐานต่อไป
นายฐิติพล ภักดีวานิช คณบดี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า พรรคพลังประชารัฐ มีแนวโน้มสูงที่จะได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ขาดความชอบธรรม
“พลังประชารัฐ มีแนวโน้มจะได้เป็นรัฐบาลสูง ผมย้ำว่า เป็นการเป็นรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรมในระบอบรัฐสภา เพราะพรรคที่มีที่นั่งมากที่สุด ถึงมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ด้วยมีกลไกรัฐธรรมนูญที่เอื้อให้เขาจัดตั้งรัฐบาลได้”
ทั้งนี้ คาดว่า กกต. จะประกาศผลการเลือกตั้งในส่วนของ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ ลงความเห็นในเรื่องสูตรการคิดคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ โดยศาลรัฐธรรมนูญ จะประชุมในตอนเช้าของวันพุธนี้
ประชุมร่วม ครม.-คสช. ยกเลิกคำสั่ง ประกาศ คสช.
ในวันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งที่ประชุมได้มีการสรุปผลการดำเนินงานเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และ สรุปการออกกฎหมายของ คสช. ที่ผ่านมาเกือบ 5 ปีว่า มีการออกคำสั่งทั้งสิ้น 456 ฉบับ
โดยนายวิษณุ กล่าวว่า ในจำนวนทั้งหมด แบ่งเป็นประกาศ คสช. ที่มีผลเป็นกฎหมายก่อนที่จะมีรัฐบาลจำนวน 132 ฉบับ โดยเป็นคำสั่งทางบริหาร เช่นการแต่งตั้งโยกย้ายให้คนมารายงานตัวจำนวน 166 ฉบับ และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 อีก 158 ฉบับ โดยคำสั่งและประกาศต่างๆ ที่ออกมานั้นได้ยกเลิกไปแล้ว และไม่มีผลบังคับอีกต่อไป จำนวน 74 ฉบับ และอีก 133 ฉบับ ที่เป็นคำสั่งในการแต่งตั้ง โยกย้าย และสิ้นผลไปโดยอัตโนมัติเมื่อภารกิจนั้นเสร็จสิ้นแล้ว และยังมีอีกจำนวน 39 ฉบับที่กำลังจะสิ้นผลเมื่อ คสช.พ้นตำแหน่ง จึงยังเหลืออีก 210 ฉบับ ที่ยังมีผลจนถึงบัดนี้
“ในจำนวน 210 ฉบับนี้ คสช. ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาทบทวนและคำสั่งตามมาตรา 44 ซึ่งจะเป็นคำสั่งสุดท้ายเพื่อยกเลิกอีก 68 ฉบับ เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับรัฐบาลหน้าอีกต่อไป เพราะหมดความจำเป็น หรือไม่เหมาะสมที่จะมีอยู่ต่อไปในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย” นายวิษณุ ระบุ
อย่างไรก็ตาม นายวิษณุ ระบุว่า ยังมีประกาศของ คสช. ที่จะยังเหลืออยู่และไม่ถูกแตะต้องอีกเลยอีกจำนวน 65 ฉบับ เนื่องจากส่วนราชการเห็นว่ายังคงต้องคงไว้ เช่น เรื่องแรงงานต่างด้าว เรื่องไอยูยู เรื่อง ICAO โดยมีคำแนะนำให้ถ่ายโอนไปเป็นพระราชบัญญัติปกติ แต่หากรัฐบาลหน้าอยากจะยกเลิกหรือแก้ไขสามารถดำเนินการได้
15 รัฐมนตรี ลาออกไปนั่ง ส.ว.
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีกับคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ในวันนี้ว่า มีคณะรัฐมนตรีลาออกทั้งหมด 15 คน คงเหลือ 17 คน ซึ่งการทำงานต่อจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีที่เหลือ จะได้ทำหน้าที่ต่อไป และการประชุม ครม. และ คสช. ยังทำได้ตามกฎหมาย
“การที่รัฐมนตรีลาออกไปเป็น ส.ว. ขออย่ามองว่าเป็นศัตรู และขอให้มองว่าที่ผ่านมาเขาทำงานอะไรบ้าง เพราะการทำงานของประเทศที่ผ่านมาควรมีคนที่รู้เรื่องเข้าไปเป็น ส.ว. ด้วย เพื่อให้สามารถทำงานต่อไปได้ ย้ำว่า คสช. ไม่ได้เป็นศัตรูกับใครเลย แต่ทำให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบตลอดห้าปีที่ผ่านมา” นายกฯ กล่าว
“5 ปีนะ ไม่ใช่เวลาสั้นๆ วันนี้ ผมก็ใจหายเหมือนกันนะ เห็นหน้าเห็นตากันครบถ้วน ก็หายกันหลายคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว