แม่ทัพภาค กำชับทหารเข้าถึงประชาชน หวังเปลี่ยนทัศนคติผู้หลงผิด

พลโทปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 ได้เป็นประธานในที่ประชุมกองกำลัง 3 ฝ่าย ที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานในห้วงไตรมาสที่สองของปีงบประมาณที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในภาพรวมได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการใช้นโยบายการเมืองนำการทหาร จนเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นมีสถิติลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

พล.ท ปราการ ได้มอบนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ในห้วงไตรมาสที่ 3 ต่อเจ้าหน้าที่กว่า 300 นาย ที่ห้องประชุมพระนราภิบาล ศาลากลาง จ.นราธิวาส วันที่ 21 เม.ย. 58  ว่าไตรมาสที่สามเป็นช่วงปิดเทอมของโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ จึงได้โยกเจ้าหน้าที่กองกำลังที่ปฏิบัติหน้าที่ในการ รปภ.ครู ลงไปคลุกคลีกับประชาชนระดับรากหญ้า เพื่อเป็นการลดช่องว่างในการแสดงความจริงใจ ด้วยการโน้มน้าวประชาชนให้ดึงกลุ่มผู้เห็นต่าง เข้ามาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เพื่อสร้างชุมชนให้เข้มแข็งขยายผลไปสู่การสร้างสันติสุข

“เราจะดึงกำลังในช่วงปิดเทอม ลงคลุกคลีทำความเข้าใจ และให้การช่วยเหลือชาวบ้านในทุกๆด้าน เพื่อดึงมาเป็นพลังมวลชนในความร่วมมือการสร้างสันติสุขขึ้นในพื้นที่ โดยใช้มัสยิดเป็นจุดศูนย์กลาง ด้วยการนำศาสนามาใช้ในการแก้ไขปัญหาที่ละเอียดอ่อน” พล.ท.ปราการ กล่าว

“เชื่อว่าสามารถลดช่องว่างระหว่างรัฐ กับพลังมวลชนได้ แล้วปัญหาทุกอย่างก็จะค่อยๆคลี่คลายไป จนเกิดความสันติในที่สุด”

ผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์ รายงานจากที่ประชุมว่า ตัวแทนสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ได้รายงานถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State) โดยระบุว่า ประเทศที่มีความเสี่ยงภัยก่อการร้าย คือ ประเทศอินโดนีเซีย จากข้อมูลล่าสุด ยังไม่พบคนไทยที่ไปสมัครเข้า กลุ่ม IS หรือไปร่วมรบในต่างประเทศแต่อย่างใด แต่เพื่อไม่ประมาท ขอให้ทุกฝ่ายตรวจสอบข้อมูลในพื้นที่ เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่อาจจะเข้ามาในพื้นที่ ชักจูงเยาวชนให้เข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม หรือเครือข่ายกลุ่ม IS