ศาลฎีกาจำคุก 4 ปี อริสมันต์พร้อม 8 แกนนำเสื้อแดงล้มประชุมอาเซียน ปี 52

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2019.09.11
กรุงเทพฯ
190911-TH-redshirts-jail-1000.jpg นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง (กลาง) แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ชูมือเรียกเสียงเชียร์ ขณะนำพวกบุกเข้าในสถานที่ประชุมอาเซียนซัมมิท ครั้งที่ 14 ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีช พัทยา จังหวัดชลบุรี ภาพเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2552
เอพี

ในวันพุธนี้ ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุก นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง พร้อมแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง รวม 9 คน เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีความผิดจากการนำมวลชนบุกที่ประชุมอาเซียน โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ในปี 2552 เป็นเหตุให้ การประชุมต้องถูกเลื่อนออกไป โดยศาลได้ออกหมายจับ นายอริสมันต์และจำเลยบางราย ที่ไม่มาฟังคำพิพากษาแล้ว

ทั้งนี้ ศาลได้ตัดสินยกฟ้อง 1 คน รวมถึงนัดฟังคำพิพากษาใหม่ วันที่ 31 ตุลาคม 2562 สำหรับ 3 คน ที่ไม่ได้รับหมายเรียกฟังคำพิพากษาในวันนี้

ในตอนเช้าวันนี้ ศาลจังหวัดพัทยา อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่พนักงานอัยการจังหวัดพัทยาเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และพวกรวม 13 คน เป็นจำเลย ในข้อหาร่วมกันขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานที่ไม่ให้มีการชุมนุมเกินกว่า 10 คนขึ้นไป และฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จราจร พ.ศ. 2522 โดยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216, 358, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 108, 114, 148 โดยวันนี้ มีเพียงนายศักดา นพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 เพียงคนเดียว ที่มาฟังคำพิพากษา

จำเลยที่ 1-13 ของคดีนี้ ประกอบด้วย นายนิสิต สินธุไพร, นายสำเริง ประจำเรือ, นายนพพร นามเชียงใต้, นายสมญศฆ์ พรมมา, นายสิงห์ทอง บัวชุม, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์, นายวรชัย เหมะ, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายธรชัย ศักมังกร, นายศักดา นพสิทธิ์, นายวัลลภ ยังตรง, นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง และ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง

คำพิพากษาวันนี้ เป็นการพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ภาค 2  ให้จำคุกจำเลย 9 คน เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และยกฟ้อง นายสมญศฆ์ พรมมา จำเลยที่ 4 เนื่องจากเป็นมวลชน ไม่ใช่แกนนำปลุกระดมให้กระทำการรุนแรง โดยก่อนหน้านี้ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ และ พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ เป็นจำเลยร่วมด้วย แต่ศาลได้พักคดีของทั้งคู่ไว้ เนื่องจากหลบหนี

“พนักงานอัยการได้แจ้งข้อหาประกอบด้วย 1.ร่วมกันขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งให้เลิกการมั่วสุม 2.ข้อหาร่วมกันเดินแถวเป็นขบวน และกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร 3.ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ และมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต” ตอนหนึ่งของคำฟ้อง ระบุ

“เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่ก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน 4.มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้า เป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำผิดนั้น และ 5.ร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์” คำฟ้อง ระบุ

ทั้งนี้ นายธำรง หลักแดน ทนายความของนายอริสต์มันต์ พงษ์เรืองรอง ได้ให้สัมภาษณ์กับแก่สื่อมวลชนที่ศาลจังหวัดพัทยาว่า นายอริสต์มันต์ มีอาการป่วยด้วยโรคเวียนศีรษะ บ้านหมุน พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม จึงไม่สามารถมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเองได้

“ได้โทรศัพท์แจ้งคำพิพากษาให้นายอริสต์มันต์ทราบแล้ว แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะมารายงานตัวกับศาลได้เมื่อไหร่ คงต้องรอให้อาการป่วยดีขึ้นก่อน” นายธำรง กล่าวกับผู้สื่อข่าว

ด้าน นางขนิษฐา รัฐกาญจน์ ทนายความของกลุ่มจำเลย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ศาลยกฟ้องจำเลยที่ 4 เนื่องจากโจทก์ไม่มีพยานที่เห็นเหตุการณ์จึงยกประโยชน์ให้จำเลย

ส่วน พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ, นายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมะ ศาลจะได้ออกหมายเรียกให้มารับฟังคำพิพากษาอีกครั้ง ในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 เนื่องจากจำเลยยังไม่ได้รับหมายเรียกให้มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ส่วนจำเลยอีก 9 คน ศาลจะออกหมายจับทันที จากรายงานของสื่อระบุว่า พ.ต.ท.ไวพจน์ ได้ร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรอยู่ ขณะที่มีการอ่านคำพิพากษา

“ขณะนี้ ยังประชุม ส.ส.ตามปกติยังไม่มีอะไร ยังไม่เห็นหมายอะไร และยังไม่เห็นรายละเอียดต้องรอดูความชัดเจนจะเเจ้งให้ทราบต่อไป” พ.ต.ท.ไวพจน์ กล่าวแก่สื่อมวลชนที่สภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตามยังไม่มีการอ่านคำพิพากษาในส่วนของ พ.ต.ท.ไวพจน์

สำหรับ กรณีของ พ.ต.ท.ไวพจน์ นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวแก่สื่อมวลชนว่า ตามรัฐธรรมนูญ​มาตรา 101(13) ระบุถึงการสิ้นสมาชิกภาพของ ส.ส. คือ ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ดังนั้น หากเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ก็ถือว่าสิ้นสมาชิกภาพทันที อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนประธานสภาฯ ต้องแจ้งคำพิพากษาของศาลฎีกาต่อที่ประชุมให้รับทราบ

เมื่อวันที่ 10-11 เมษายน 2552 กลุ่มคนเสื้อแดงหลายร้อยคน ได้บุกไปยังที่ประชุมอาเซียน โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีทำลายผนังกระจก และเข้ายึดพื้นที่จัดประชุม เป็นเหตุให้นายอภิสิทธิ์ประกาศยกเลิกการประชุมครั้งดังกล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง