“โกโต้ง” ปฎิเสธว่ามีส่วนในการค้ามนุษย์โรฮิงญา

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2017.01.25
กรุงเทพฯ
TH-pajjuban-620 แฟ้มภาพ นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง ขณะถูกนำตัวขึ้นศาลอาญากรุงเทพเหนือ ในคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา วันที่ 13 พ.ย. 2558
เบนาร์นิวส์

ในวันพุธ (25 มกราคม 2560) นี้ นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง หนึ่งในจำเลยคนสำคัญของคดีการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ขึ้นให้การต่อศาลในการนัดสืบพยานฝ่ายจำเลย ซึ่งวันนี้เป็นวันที่สองโดยระบุว่า ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา และว่าตนเองอาจถูกกล่าวหาโดยเจ้าหน้าที่

นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล เป็นจำเลยที่ 29 ในคดีหมายเลขดำ คม.27/2558, คม.28/2558 และ คม.29/2558 ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายบรรณจง ปองผล หรือโกจง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ จำเลยที่ 1 และจำเลยอื่นรวม 102 คน ในความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ฯ พ.ศ. 2551

สื่อมวลชนไทยรายงานว่า นายปัจจุบัน เป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดสตูล เป็นหนึ่งในจำเลยที่สำคัญสามราย ซึ่งอีกสองรายได้แก่ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก จำเลยที่ 54 และนายบรรณจง ปองผล หรือโกจง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ จำเลยที่ 1

ในการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบการโอนเงินจากนายปัจจุบันและพวกไปยังบัญชีธนาคารของพลโทมนัส เป็นที่มาของการออกหมายจับพลโทมนัส ในเดือนมิถุนายน 2558  เพราะสงสัยว่าเป็นเงินที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ในขณะที่พลโทมนัส กล่าวว่า เป็นเงินในการซื้อขายวัวชน

นายปัจจุบัน กล่าวในห้องพิจารณาคดีของศาลอาญา รัชดาภิเษกว่า รู้จักกับ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก จำเลยที่ 54 ในฐานะเป็นคนชื่นชอบกีฬาชนวัวเหมือนกันเท่านั้น

“เคยเห็นในงานชนวัว และเจออีกครั้งที่โรงแรมจึงเข้าไปทักในฐานะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เคยคุยกันเรื่องการซื้อขายวัวชน” นายปัจจุบัน กล่าว

นายปัจจุบัน ยังได้ปฏิเสธว่ามีการกระทำผิดกฎหมายร่วมกับนายบรรณจง ปองผล หรือโกจง รวมทั้งปฎิเสธความเกี่ยวข้องกับจำเลยอีกหลายคน

“นายกฯ บรรจงโทรมาหาเวลาเพื่อนเขาจะมาเที่ยวหลีเป๊ะ ถามว่ามีที่เที่ยวที่ไหน การโทรศัพท์ไม่เกี่ยวข้องกับทั้ง 13 ข้อกล่าวหา” อดีตนายก อบจ.สตูล ระบุ

นายปัจจุบัน กล่าวว่า ไม่รู้จักและไม่เคยเดินทางไปยังแคมป์เขาแก้ว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนประเทศไทย-มาเลเซีย จุดที่เจ้าหน้าที่พบหลุมศพของชาวโรฮิงญา และเชื่อว่าเป็นสถานที่ซึ่งขบวนการค้ามนุษย์ใช้กักตัวชาวโรฮิงญา เพื่อเตรียมส่งตัวไปยังมาเลเซีย โดยอ้างว่า ตนเองอาจถูกกล่าวหาโดยเจ้าหน้าที่

“การเป็นคนไม่ยอมใครอาจทำให้ใครไม่พอใจบ้าง ทั้งสีกากีและสีเขียวเลยครับ ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่จะถูกกดดันให้ทำคดีหรือไม่” นายปัจจุบัน กล่าว

การเปิดเผยรายงานการพบหลุมศพของผู้อพยพชาวโรฮิงญาลักลอบนำเข้าเมืองบนเทือกเขาแก้ว ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ใกล้พรมแดนไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 เป็นจุดเริ่มต้นของความสนใจของนักสิทธิมนุษยชนและสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ จนนำไปสู่การสืบสวนหาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดครั้งนี้โดยการนำของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจ ภาค 8 หัวหน้าฝ่ายสอบสวนคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา

ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2558 พนักงานอัยการได้เริ่มฟ้องในความผิด 16 ข้อหา ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ฯ พ.ศ. 2551, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ พ.ศ. 2546 ต่อจำเลย 88 คน และภายหลังได้มีการโอนคดีจากศาลนาทวีมาพิจารณาที่แผนกคดีค้ามนุษย์ของศาลอาญาในเดือนตุลาคม 2558

กระทั่งมีการตรวจสอบหลักฐานในคดีครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2558 และมีการนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์เรื่อยมาจนเสร็จสิ้นในเดือนธันวาคม 2559 และเริ่มสืบพยานฝ่ายจำเลยในเดือนมกราคม 2560

ทนายความสมพร มูสิกะ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ในวันนี้ว่า การตัดสินคดีนี้ น่าจะสามารถทำได้ในเดือนมีนาคม โดยจะมีการสืบพยานจำเลยในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ และวันที่ 7-10 ก.พ. 2560 โดยในแต่ละวันศาลจะสืบพยานได้วันละ 10-12 คน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง