ศาลเลื่อนการสืบพยานโจทก์คดีอุยกูร์ระเบิดศาลท้าวมหาพรหม

นนทรัฐ ไผ่เจริญ และทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2016.09.15
กรุงเทพฯ และ นราธิวาส
TH-lawyer-uyghur-620 นายชูชาติ กันภัย ทนายความในคดีระเบิดศาลท้านมหาพรหมให้สัมภาษณ์ต่อนักข่าวที่ศาลทหารกรุงเทพ วันที่ 15 ก.ย. 2559
เบนาร์นิวส์

ในวันพฤหัสบดี (15 ก.ย. 2559) นี้ นายอาเด็ม คาราดัก และนายไมไรลี ยูซุฟู สองจำเลยเชื้อสายอุยกูร์ในคดีวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ ปฎิเสธการใช้ล่ามภาษาอุยกูร์ชาวอุซเบกิสถานที่ศาลทหารจัดหาให้ เพราะไม่สามารถสื่อสารกันได้อย่างชัดเจน ศาลจึงเลื่อนการสืบพยานโจทก์ออกไปเป็นกลางเดือนหน้า

ตุลาการศาลทหารขึ้นบัลลังก์พิจารณาคดี ในการสืบพยานโจทก์ในเช้าวันนี้ โดยนายอาเด็ม คาราดัก จำเลยที่ 1 และนายไมไรลี ยูซุฟู จำเลยที่ 2 เดินทางมาขึ้นศาลพร้อมทนายความ โดยมี พ.ต.ท.ทวยเทพ เดวิด วิบุลศิลป์ เป็นพยานฝ่ายโจทก์

ศาลได้จัดหาล่ามภาษาอุยกูร์-อังกฤษ และล่ามภาษาอังกฤษ-ไทย ให้จำเลยทั้งสองคน เนื่องจากล่ามภาษาอุยกูร์-อังกฤษ คนเดิม คือนายบาโคดิรอฟ ซิโรจิดดิน ได้หลบหนีการขึ้นศาลจากคดียาเสพติด และล่ามภาษาอังกฤษ-ไทย พ.ต.ท.ทวยเทพ ถูกอัยการร้องขอให้เปลี่ยนเป็นพยานฝ่ายโจทก์

ก่อนการสืบพยานฝ่ายโจทก์ตุลาการได้ให้นางสาวคูโนซาคอน คูยาโมว่า ชาวอุซเบกิสถาน ผู้ต้องกักเนื่องจากวีซ่าขาอายุ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นล่ามภาษาอุยกูร์-อังกฤษ พูดคุยกับจำเลยทั้งสองคน เพื่อตรวจสอบความเข้าใจในการแปลภาษา แต่จำเลยที่ 2 กล่าวว่า น.ส.คูโนซาคอน และจำเลยทั้งสอง ไม่สามารถสื่อสารกันได้เข้าใจชัดเจน จึงปฎิเสธที่จะยอมรับการเป็นล่าม

“ล่ามที่ศาลจัดหาให้คนนี้ สามารถสื่อสารกับตัวจำเลยเข้าใจเพียง 40 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ล่ามคนเก่าสื่อสารกันเข้าใจ 60 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่สามารถยอมรับให้เป็นล่ามในคดีนี้ได้” นายไมไรลี กล่าวต่อศาลเป็นภาษาอังกฤษ

เมื่อล่ามไม่สามารถสื่อสารกับจำเลยทั้งสองคน ได้เข้าใจ ศาลจึงได้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไปเป็นวันที่ 13-14 ตุลาคมนี้ โดยในระหว่างนี้ จะจัดหาล่ามแปลภาษาอุยกูร์คนใหม่มาทำหน้าที่แทน

สำหรับการจัดหาล่ามภาษาอุยกูร์นั้น ก่อนหน้านี้ ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยใช้ล่ามจากสภาอุยกูร์โลก แต่คำร้องดังกล่าวถูกคัดค้านโดยอัยการซึ่งให้เหตุผลว่า ล่ามจากสภาอุยกูร์โลก อาจกระทบต่อความมั่นคง ศาลจึงอาสาเป็นผู้จัดหาล่ามให้ โดยขอความร่วมมือจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งได้จัดส่ง น.ส.คูโนซาคอน มาปฎิบัติหน้าที่ในครั้งนี้

นายชูชาติ กันภัย ทนายความฝ่ายจำเลย เปิดเผยต่อสื่อมวลชน หลังเสร็จสิ้นกระบวนการศาลว่า การเลื่อนกระบวนการพิจารณาคดีออกไปไม่สร้างความกังวลให้กับตัวจำเลย เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความเข้าใจระหว่างจำเลยกับศาลมากกว่า

“ไม่มีอะไรกังวลเลย กังวลอย่างเดียวคือต้องให้จำเลยเข้าใจการพิจารณาของศาล ล่ามค่อนข้างจะหายากนิดนึง อาจมีความเป็นไปได้ที่จะต้องขอให้หน่วยงานระหว่างประเทศซึ่งมีความเป็นกลาง ให้ศาลหาให้ดีกว่า จะได้มีข้อครหาทั้ง 2 ฝ่าย ข้อตกลงเพียงแค่ขอให้ศาลหามาให้สามารถสื่อสารได้” นายชูชาติกล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

“ตอนนี้ ดูจำเลยทั้ง 2 คน เขาก็ไม่มีความกังวลอะไรนะ ดูเขาก็ผ่อนคลายมากขึ้น มีกิจกรรมในการมาดูทีวี เขา(เรือนจำ)ก็จัดให้” นายชูชาติกล่าว

นายชูชาติเพิ่มเติมว่า จำเลยทั้งสองคน มีสภาพจิตใตที่ดีขึ้น และไม่ได้กล่าวถึงการถูกทำร้ายร่างกาย หรือข่มขู่ในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอีก หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยเปิดเผยต่อสื่อว่า ถูกทำร้ายร่างกายในที่คุมขัง

ในช่วงค่ำของวันที่ 17 สิงหาคม 2558 ที่บริเวณศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ คนร้ายในชุดเสื้อสีเหลืองได้นำกระเป๋าซึ่งบรรจุระเบิดไปวางไว้ใต้เก้าอี้นั่งด้านในศาลท้าวมหาพรหม และจุดระเบิดซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 คน และบาดเจ็บกว่า 120 คน

หลังจากเกิดเหตุไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน คือ นายอาเดม คาราดัก หรืออีกชื่อหนึ่งคือ บิลาล โมฮัมเหม็ด และนายไมไรลี ยูซุฟู ซึ่งทั้งคู่เป็นคนเชื้อสายอุยกูร์ สัญชาติจีน ซึ่งแม้ในชั้นสอบสวนทั้งคู่จะสารภาพว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมก่อเหตุ แต่ในการไต่สวนของศาลทหาร ผู้ต้องหาทั้งสองกลับปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังออกหมายจับผู้ต้องสงสัยซึ่งถูกซัดทอดอีก 2 คน คือ นายยงยุทธ พยุงวงศ์ และ น.ส.วรรณา สวนสัน ซึ่งทั้งคู่อยู่ระหว่างการหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ยังเปิดเผยว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีก 17 คน ที่เจ้าหน้าที่กำลังพยายามตามตัวมาดำเนินคดีอยู่

ศาลทหารออกหมายจับมือระเบิดเจ็ดจังหวัดภาคใต้ตอนบนรายที่ 7

ในวันเดียวกันนี้ ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 45 ค่ายวิภาวดีรังสิต จังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิด บริเวณเขาหลัก จังหวัดพังงา ช่วงวันที่ 10-12 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุ ชื่อนายซูกีมัน กูบารู หรือลุกมัน อายุ 34 ปี อยู่ที่หมู่ 8 ตำบลปะลุรู อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิด ร่วมกันพยายามวางเพลิงและเป็นอั้งยี่ เนื่องจากมีพฤติกรรมซ่อนเร้นอำพรางการก่อเหตุ โดยกำลังจะพิจารณาแจ้งข้อหาอั้งยี่เพิ่มเติมกับผู้ต้องหาที่ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ข้อหานี้จะนำไปสู่การตรวจสอบทรัพย์สินและยึดทรัพย์

"เมื่อวานได้ประสานไปยัง ปปง.เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินและทำการยึดทรัพย์แล้ว การตรวจสอบประวัติผู้ต้องหารายนี้เคยก่อเหตุในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้" พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว

จากการตรวจสอบประวัติ นายซูกีมัน กูบารู หรือลุกมัน เป็นผู้ต้องหาคนเดียวกับที่ก่อเหตุนำรถขนมที่ปล้นจากจังหวัดปัตตานี เพื่อก่อเหตุวางคาร์บอมบ์ที่หน้าบ้านพัก ผกก.สภ.แว้ง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวนนเดียวกันกับวันที่คณะพูดคุยเพื่อสันติได้เจรจากับฝ่ายมาราปาตานี ซึ่งเป็นองค์กรร่มของขบวนการแบ่งแยกดินแดนในสามจังหวัดชายแดนใต้ที่รวมตัวพูดคุยกับฝ่ายไทย

นอกจากนี้ นายซูกีมัน เป็นผู้ต้องหาก่อเหตุคาร์บอมบ์ในพื้นที่อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และมีหมายจับของศาลนราธิวาสในปี 2549 ด้วย

"ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องการแบ่งแยกดินแดน แม้ว่าผู้ต้องหาจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่ก่อเหตุไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้" พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว

ในการแถลงข่าวผลงานรัฐบาลครบรอบสองปีในวันนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีกลาโหม ได้ปฏิเสธเช่นเดียวกันว่า การวางระเบิดและวางเพลิงในจังหวัดภาคใต้ตอนบน ที่รวมถึงเหตุในพังงานั้น ไม่ได้เป็นการขยายการปฏิบัติการของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แม้ว่าผู้ต้องหาทั้งหมดจะเป็นบุคคลในขบวนการก็ตาม

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง